posttoday

เอสเอ็มอีมือโปร:3E ชีวีมีสุข

20 มิถุนายน 2553

หลักการว่าด้วยการทำชีวิตประจำวันให้มีความสุข ซึ่งว่าไว้ว่า ควรจะมีหลักการ 3E นั่นคือ Energy, Enthusiasm และ Empathy

หลักการว่าด้วยการทำชีวิตประจำวันให้มีความสุข ซึ่งว่าไว้ว่า ควรจะมีหลักการ 3E นั่นคือ Energy, Enthusiasm และ Empathy

โดย...อานนท์

ผู้เขียนเพิ่งจะอ่านตำราทางศาสนาเล่มหนึ่ง และเห็นเรื่องน่าสนใจที่คิดว่า สามารถนำมาประยุกต์เป็นสิ่งที่ดีในการทำการค้าได้ นั่นคือ หลักการว่าด้วยการทำชีวิตประจำวันให้มีความสุข ซึ่งท่านว่าไว้ว่า ควรจะมีหลักการ 3E นั่นคือ Energy, Enthusiasm และ Empathy

อันว่า Energy นั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่เราๆ ท่านๆ คงพอจะทราบกันอยู่แล้วว่า “พลังงาน” คือสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต ส่วนในเรื่องของการทำธุรกิจนั้น พลังงานไม่ได้หมายถึงแค่พลัง หรือพละกำลังทางร่างกายในการทำงานเท่านั้น แต่ที่สำคัญมากยิ่งกว่า และน่าจะเป็นพลังงานหลักคือ “พลังใจ” ในการที่คิดอยากจะสร้างสรรค์สิ่งดีๆ และทำงานให้เกิดผลสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พลังใจในช่วงที่ต้องฝ่าฟันวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่ง Energy จะเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดสิ่งดีๆ และการแก้ปัญหาที่ถูกต้องตามมาได้ในที่สุด

ส่วน Enthusiasm หมายถึง “ความกระตือรือร้น” ซึ่งนักธุรกิจรุ่นใหม่ๆ หรือนักธุรกิจที่เริ่มทำการค้าใหม่ๆ แตกไลน์สินค้าใหม่ เปิดสาขาใหม่ หรืออะไรก็ตามที่เป็นเรื่องใหม่ มักจะมีความกระตือรือร้นสูง แต่ความกระตือรือร้นนี้ มักจะหด หรือลดลงไปตามกาลเวลา และอาจจะถึงขั้นไม่เหลืออยู่เลย หากกาลเวลาผ่านไปเนิ่นนาน และไม่ได้มีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของโลก ที่คนเรามักจะ “เห่อ” สิ่งใหม่ และ “เบื่อ” กับเรื่องเก่า หรือซ้ำซากจำเจ

ในแง่ของการชีวิตให้มีความสุขนั้น ความกระตือรือร้นเป็นองค์ประกอบสำคัญในการทำให้เรามีชีวิตชีวา และรู้สึกสนุกกับชีวิตอยู่เสมอ ในทำนองเดียวกันกับการทำธุรกิจ ความกระตือรือร้นจะช่วยให้เราอยากทำงาน ทำงานอย่างรู้สึกสนุกกับสิ่งที่ได้ทำ หลายท่านคิดว่า เมื่องานเก่าเสียแล้ว ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดความกระตือรือร้น แต่นักธุรกิจที่ดี ย่อมสร้างตนเองให้มีความกระตือรือร้นได้เสมอ ไม่ว่ากำลังจะทำเรื่องใหม่ หรือเรื่องเก่า

ในธุรกิจที่อาจจะเป็นธุรกิจเก่านั้น ความกระตือรือร้นจะก่อให้เกิดการพัฒนา และทำให้สามารถ “เดินเครื่อง” องค์กรต่อไปได้อย่างขมีขมัน

แล้วทำอย่างไรจึงจะก่อให้เกิดความกระตือรือร้นได้เสมอ แม้ในยามที่ต้องทำอะไรต่อมิอะไรเหมือน หรือคล้ายๆ เดิมตลอด

นั่นก็คือ จะต้องมีมุมมองต่อการทำงานให้เป็นความสดชื่น และคิดหาการพัฒนาให้เรื่องเก่าสามารถเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องใหม่ได้เสมอ เช่น หากท่านทำธุรกิจโรงแรม แต่ไหนแต่ไรมาก็มีห้องให้บริการ 40 ห้อง ท่านก็อาจจะเบื่อ และคิดว่าเหมือนเดิมทุกวัน แต่หากเราเอาความกระตือรือร้นใส่เข้ามา ห้อง 40 ห้อง อาจจะกลายเป็นห้องธรรมดาแบบเดิม 30 ห้อง และก่อให้เกิดห้องแบบใหม่ๆ ใส่ดีไซน์ หรือไอเดียเด็ดๆ เข้าไปอีก 10 ห้อง เกิดเป็นพลังใหม่ทำให้กระตือรือร้น และเพิ่มชีวิตชีวาให้กับธุรกิจ

ส่วน Empathy นั้น หมายถึง การเอาใจใส่ รวมความถึงการเอาใจเขามาใส่ใจเรา ซึ่งในแง่ของการใช้ชีวิต Empathy ย่อมจะทำให้มีความสุข เพราะหากเราคิดถึงแต่ตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของผู้อื่น ก็ย่อมทำให้อยู่ร่วมกันลำบาก

ในเชิงธุรกิจนั้น คำที่ใกล้เคียงและอาจจะบอกถึง Empathy ได้ชัดเจนคำหนึ่งก็คือ คำเก่าแก่ในวงการการค้า นั่นคือ ลูกค้าคือพระเจ้า นั่นหมายถึงว่า เราจะต้องใส่ใจความต้องการของลูกค้า ไม่ใช่เพียงแค่หนึ่งความต้องการ แต่หมายถึง “ทุกความต้องการ” ที่ลูกค้าควรจะได้รับการตอบสนองอย่างดีที่สุด

คำว่าทุกความต้องการนั้น หมายความรวมไปถึงว่า แม้เราจะคิดว่าเราขายของชนิดหนึ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่า เราจะบริการเพียงชนิดเดียว เช่น หากท่านขายเสื้อผ้า ไม่ได้แปลว่าท่านจะนำเสนอเฉพาะเสื้อผ้าเท่านั้น แต่จะต้องนำเสนอความคิดเกี่ยวกับความเหมาะสมระหว่างเสื้อผ้ากับลูกค้า หากไม่เหมาะ ก็ต้องบอกตามตรงว่าไม่เหมาะ และให้คำแนะนำที่ดีไปว่า จะสามารถหาสิ่งที่เหมาะสมได้จากไหน ซึ่งอาจจะไม่ใช่ร้านของเรา อาจจะเป็นร้านอื่นในละแวกเดียวกัน เช่น หากลูกค้ามามองหาชุดเพื่อใส่ไปงานแต่งงาน แต่ร้านของเรามีแต่สีหม่นหมอง ก็ไม่ควรยัดเยียด และพร่ำบอกว่าเหมาะสม แต่จะต้องแนะนำให้ลูกค้าไปมองหาที่อื่น พร้อมทั้งอาจจะให้คำแนะนำว่า รูปร่างแบบนี้ น่าจะเลือกชุดแบบไหน ซึ่งแม้ว่าครั้งนี้จะทำให้เราไม่ได้ขายสินค้า แต่จะเกิดความประทับใจ และกลับมาเป็นลูกค้าของเราในโอกาสอื่นๆ

อีกด้านหนึ่ง หากลูกค้าซื้อเสื้อผ้าจากเราไปแล้วเกิดใส่ไม่ได้ หรือใส่แล้วมีปัญหา จนนำมาคืน ผู้ขายบางคนจะมองว่า การรับคืนของไม่ใช่งานของฉัน และไม่ใส่ใจ แต่ผู้ขายที่ดีจะต้องสนใจเป็นอย่างมากว่า ทำไมลูกค้าถึงนำของมาคืน เพราะนอกจากจะเป็นการทำให้ลูกค้าพอใจในสถานการณ์เฉพาะหน้าแล้ว ยังจะเป็นการหาข้อมูลไปในตัวว่า สินค้าหรือบริการของเรามีข้อบกพร่องตรงไหน เพราะการคืนสินค้า ย่อมหมายถึงปัญหาอะไรสักอย่าง ที่หากเราไม่รู้ และไม่พยายามจะรู้ ก็จะผลิตแต่ของมีปัญหาเรื่อยไป ซึ่งไม่เกิดผลดีในระยะยาวเลย
3E ที่ดี จึงจะทำให้ทั้งชีวีมีสุข และการค้ารุ่งเรืองครับ

ข่าวล่าสุด

‘ม.สงขลาฯ’ ร่วมกรมการแพทย์ รับผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองรักษาด้วย CAR-T Cell