posttoday

‘ทำอะไรต้องทำให้ดีที่สุด’ เครือวัลย์ วงศ์รักมิตร

22 กุมภาพันธ์ 2558

29 ปีแล้ว ที่รถทัวร์ของนครชัยแอร์ สัญจรอยู่บนทางหลวงในภาคเหนือและอีสาน

โดย..ชลธิชา ภัทรสิริวรกุล

29 ปีแล้ว ที่รถทัวร์ของนครชัยแอร์ สัญจรอยู่บนทางหลวงในภาคเหนือและอีสาน

ผ่านยุคทองของรถทัวร์มาถึงยุคของสายการบินต้นทุนต่ำ แต่นครชัยแอร์ก็ยังเอาตัวรอดมาได้ ทั้งหมดนี้เป็นผลจากวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร ที่ตัดสินใจยกเครื่องกิจการของตัวเองตั้งแต่ยุคแรกๆ ส่งผลให้มาตรฐานการบริการของนครชัยแอร์ครองใจผู้โดยสาร

โดยเบื้องหลังความสำเร็จของการบริหารจัดการรถทัวร์กว่า 300 คัน คือ เครือวัลย์ วงศ์รักมิตร หรือ คุณกล้วย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นครชัยแอร์ ที่ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าธุรกิจนี้ผู้หญิงก็คุมได้

สำหรับความสำเร็จของ “นครชัยแอร์” ในวันนี้คงไม่ต้องพูดถึงแล้ว เพราะเชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะสามารถแซงขึ้นมาอยู่แถวหน้าของวงการเดินรถโดยสารที่โดดเด่นเรื่องการให้บริการที่ได้ใจผู้ใช้บริการแบบเต็มๆ และล่าสุดเพิ่งเปิดตัวธุรกิจให้บริการแท็กซี่ในฝันผ่านแอพพลิเคชั่น จนเกิดกระแสฮือฮาในสังคมขณะนี้

กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ เครือวัลย์ เล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นอาณาจักรนครชัยแอร์ให้ฟังว่า รุ่นคุณปู่เป็นผู้ก่อร่างสร้างธุรกิจรถโดยสารประจำทางในต่างจังหวัดที่ใช้ชื่อว่า “นครชัยขนส่ง” จนมาถึงรุ่นคุณพ่อ-คุณลุง ที่ขยายกิจการออกเป็น 3 ส่วน คือ นครชัยทัวร์ นครชัยขนส่ง และนครชัยแอร์ ที่ปัจจุบันส่งต่อมาถึงรุ่นเครือวัลย์บริหารงาน

จากวันแรกที่เริ่มก่อตั้งนครชัยแอร์ เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2529 นครชัยแอร์มีรถให้บริการเพียง 20 คัน และเปิดให้บริการวิ่งรถเพียงแค่ 2 เส้นทางเท่านั้น (กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี และกรุงเทพฯ-ขอนแก่น) จนมาวันนี้อาณาจักรของนครชัยแอร์ขยายตัวขึ้นมาก โดยมีรถให้บริการรวมทั้งหมด 350 คัน มีจำนวนเที่ยววิ่งวันละมากกว่า 330-400 เที่ยว ผ่าน 27 เส้นทาง และมีพนักงานที่อยู่ในการดูแลมากถึง 1,800 ชีวิต

 “จำได้ว่าในยุคนั้นนครชัยแอร์เป็นเจ้าแรกๆ ที่ลุกขึ้นมาพัฒนารถโดยสารใหม่ และปรับจากรถโดยสารขนาด 40-44 ที่นั่ง เหลือเพียง 32 ที่นั่ง เพื่อให้ผู้โดยสารนั่งสบายขึ้น แต่ยังเก็บค่าโดยสารในอัตราเดิม เพราะมีคอนเซ็ปต์ว่าเป็นรถทางไกล จึงต้องการทำให้นั่งแล้วรู้สึกสบายตัว ไม่ปวดเมื่อยหรือเหนื่อยเมื่อถึงที่หมาย โดยได้คิดดูว่าหากตัวเองเป็นผู้โดยสารจะต้องการอะไรบ้าง”

นอกจากนี้ ยังปรับมาตรฐานการให้บริการใหม่ด้วยการกั้นห้องระหว่างพนักงานขับรถกับผู้โดยสาร ส่วนด้านหลังจัดห้องน้ำและห้องสูบบุหรี่ไว้ให้ เพื่อไม่ให้รบกวนผู้โดยสารคนอื่นๆ เพราะตอนนั้นยังไม่มีการห้ามสูบบุหรี่บนรถโดยสาร ขณะที่ตัวพนักงานขับรถเองก็เพิ่มให้มี 2 คนผลัดกันขับ เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร

“แม้ว่าการปรับมาตรฐานของนครชัยแอร์วันนั้น จะเป็นการลงทุนเพิ่มโดยที่ยังไม่มีการกำหนดมาตรฐานอย่างเป็นทางการ และก็เป็นการลงทุนที่ใช้เม็ดเงินจำนวนไม่น้อย ขณะที่ค่าบริการยังไม่สามารถปรับขึ้นได้ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ถูกควบคุม จึงทำให้ระยะเวลาการคืนทุนในการลงทุนต่างๆ ของนครชัยแอร์ใช้เวลานานกว่าบริษัทรถทัวร์เจ้าอื่น แต่นครชัยแอร์ก็ยินดีและเต็มใจที่จะทำ หากทำแล้วจะทำให้สังคมดีขึ้น”

สิ่งเหล่านี้สะท้อนแนวคิดที่เครือวัลย์ยึดถือติดตัวในการทำธุรกิจมาตลอดว่า “ทำอะไรแล้วต้องทำให้ดีที่สุด ถ้าคิดว่าทำแล้วไม่ดีก็จะไม่ทำ”

“เราได้รับการปลูกฝังแนวคิดนี้มาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ  ทำให้ซึมซับและเข้าใจธุรกิจนี้มาตั้งแต่เด็กว่า คนส่วนใหญ่ที่มาใช้บริการ รวมทั้งพนักงานของเราต้องการอะไร จึงทำให้ตลอดการทำงานร่วมกับลูกน้องที่ผ่านมาไม่มีปัญหา เพราะเป็นการทำงานที่โตไปพร้อมกัน”

นครชัยแอร์ยังมีนโยบายหลักที่ว่า จะต้องทำสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกค้าควบคู่ไปกับการมุ่งทำธุรกิจเพื่อสังคม หรือที่เรียกกันว่า“โซเชียล เอ็นเตอร์ไพรส์” เพื่อยกระดับมาตรฐานการขนส่งรถโดยสารให้เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งมาตรฐานที่ทำคือ จะเน้นดูแลคน 3 ส่วน ได้แก่ ทีมงาน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สุด ที่ต้องทำให้พนักงานมีความกินดีอยู่ดีและมีความมั่นคงในชีวิต ส่วนที่ 2 คือ ลูกค้า บริษัทจะต้องสร้างสรรค์และนำเสนอบริการที่ดีอย่างสม่ำเสมอ และ 3.สังคมส่วนรวม บริษัทจะต้องรับผิดชอบต่อสังคม เพราะธุรกิจเดินรถโดยสารเป็นธุรกิจที่ผลิตของเสียเยอะ ทั้งขยะบนรถ น้ำเสียทั้งจากห้องน้ำและการล้างรถ

หลังจากพัฒนาธุรกิจจนก้าวมายืนอยู่แถวหน้า กลายเป็นรถทัวร์ที่หลายคนมองว่าบริการระดับเครื่องบิน แต่วันนี้นครชัยแอร์ก็เหมือนกับบริษัททัวร์ทุกแห่ง ที่ในอนาคตกำลังจะเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่อีกระลอก จากการมาถึงของระบบขนส่งมวลชนใหม่อย่างรถไฟทางคู่และรถไฟความเร็วสูง ซึ่งอาจจะเป็นคู่แข่งสำคัญ แย่งผู้โดยสารได้มากกว่าสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์) ด้วยซ้ำ แต่เครือวัลย์พูดคำเดียวว่า “ไม่กลัว”

“เชื่อว่าธุรกิจรถทัวร์ไม่มีวันล้มหายไปจากสังคมไทย เพราะเป็นการเดินทางที่เข้าถึงประชาชนกลุ่มคนที่มีรายได้ไม่สูงมากที่สุด”

เครือวัลย์ อธิบายต่อว่า แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวไป พร้อมกับการมาของรถไฟความเร็วสูงและสายการบินโลว์คอสต์ แต่รถทัวร์มีล้อ เป็นฝ่ายเคลื่อนเข้าหาคน ขณะที่เครื่องบินและรถไฟนั้น คนต้องเป็นฝ่ายเคลื่อนตัวเข้าไปหาแทน ดังนั้นการเดินทางโดยรถทัวร์จึงเข้าถึงคนมากกว่าการเดินทางด้วยพาหนะประเภทอื่นๆ แถมราคายังถูกกว่าด้วย

ดังนั้น จึงมั่นใจว่าธุรกิจรถทัวร์จะไม่มีวันตายและจะเติบโตขึ้นทุกวัน เพียงแต่ในกลุ่มของผู้ประกอบการขนาดเล็กต้องปรับขนาดของธุรกิจให้เล็กลงเพื่อลดต้นทุน รวมถึงต้องมีการปรับเส้นทางเดินรถไปตามกระแสซึ่งหมุนเวียนเปลี่ยนทุกวัน

แต่เธอก็ยอมรับว่าธุรกิจรถทัวร์มีการแข่งขันสูง เพราะว่ามีผู้เล่นในธุรกิจนี้จำนวนมากทั้งรายใหญ่รายเล็ก แต่โดยส่วนตัวไม่สนใจการแข่งขันกับผู้อื่น เน้นแข่งขันกับตัวเอง พยายามหาทางพัฒนามาตรฐานการบริการให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งก็เป็นไปตามปรัชญาการทำธุรกิจของนครชัยแอร์ที่เน้นการพัฒนามาตลอด

บอสหญิงแห่งนครชัยแอร์ ทิ้งท้ายอย่างไม่แคร์รถไฟความเร็วสูงและสายการบินโลว์คอสต์ ว่า นครชัยแอร์ มีแผนจะขยายธุรกิจทั้งในแนวราบและแนวดิ่งในอนาคตอันใกล้ คือ เพิ่มทั้งจำนวนรถและเส้นทางการเดินรถ รวมถึงขยายไปยังธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น รถตู้ รถแท็กซี่ และรถขนส่งสินค้าเพื่อให้ธุรกิจครบวงจร

ถึงเวลานั้นอาณาจักรของนครชัยแอร์ก็จะเปลี่ยนจาก กิจการรถทัวร์ เป็นขาใหญ่ในวงการขนส่ง ซึ่งเครือวัลย์ บอกว่า “พี่คิดว่าทำได้ และคิดว่าทำได้ดีด้วย”