คปภ.ยกเครื่องประกันพรบ.
ตั้งคณะทำงานร่วมทีดีอาร์ไอศึกษาเพิ่ม ปรับเบี้ยตามจริงคุ้มครองทรัพย์สินด้วย
ตั้งคณะทำงานร่วมทีดีอาร์ไอศึกษาเพิ่ม ปรับเบี้ยตามจริงคุ้มครองทรัพย์สินด้วย
คปภ.เล็งรื้อประกัน พ.ร.บ.ปรับเบี้ย เพิ่ิมความคุ้มครอง
นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม คปภ.และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ได้มีมติให้ตั้งคณะทำงานร่วมกัน เพื่อพิจารณาปรับปรุงการประกันภัยรถภาคบังคับหรือการประกันภัยรถตาม พ.ร.บ. ในเชิงบูรณาการตามผลการศึกษาของทีดีอาร์ไอก่อนหน้านี้ โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการเยียวยาผู้ประสบภัยจากรถทุกคน
ทั้งนี้ ได้กำหนดกรอบการพิจารณาไว้ 5 ประเด็น คือ 1.การปรับวงเงินการคุ้มครองให้มีความเหมาะสมเพียงพอต่อการดูแลผู้ประสบภัยจากรถ 2.การปรับเบี้ยประกันภัยให้สอดคล้องกับความจริง 3.การปรับปรุงรูปแบบกรมธรรม์ประกันภัยให้รวมการประกันภัยภาคบังคับและภาคสมัครใจอยู่ในฉบับเดียวกัน 4.การปรับโครงสร้างการบริหารจัดการกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย 5.การขยายขอบเขตการประกันภัยรถภาคบังคับ ให้ครอบคลุมความเสียหายในส่วนอื่นมากขึ้น เช่น คุ้มครองทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหาย เป็นต้น
“ข้อเสนอจากงานวิจัยของทีดีอาร์ไอบางประเด็นสามารถดำเนินการได้ตามอำนาจหน้าที่ของ คปภ. แต่บางประเด็นเป็นอำนาจของคณะกรรมการ คปภ. และมีอีกหลายประเด็นต้องมีการแก้ไขกฎหมาย จึงได้มอบนโยบายให้คณะทำงาน เร่งจัดทำรายละเอียด กรอบระยะเวลา และแผนการดำเนินงานอย่างชัดเจน ให้ได้ข้อสรุปภายในไตรมาสแรกของปีนี้ เช่น ในเรื่องการเพิ่มวงเงินการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถให้มีความเหมาะสมนั้น อาจต้องมีการกำหนดแผนทั้งระยะสั้นและระยะยาวว่าจะมีการปรับวงเงินการคุ้มครองเท่าไหร่ อย่างไร เนื่องจากการเพิ่มวงเงินการชดเชยอาจมีผลกระทบต่อเบี้ยประกันภัยด้วย” เลขาธิการ คปภ. กล่าว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ได้มีการดำเนินการปรับจำนวนเงินค่าเสียหายเบื้องต้น สำหรับค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของผู้ประสบภัยจากรถตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 จากเดิมที่กำหนดไว้จำนวนเงินไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท/คน ปรับเพิ่มเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 3 หมื่นบาท/คน และได้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมานายสุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัยด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า สถานการณ์ในปัจจุบันมีจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเพิ่มมากขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายในการรักษา เยียวยาก็ปรับสูงขึ้น ดังนั้นการรักษาเยียวยาผู้ประสบภัยจากรถควรมีการพัฒนาปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในด้านการบริการและการชดเชยค่าใช้จ่าย การเพิ่มวงเงินคุ้มครองชดเชยให้แก่ผู้ประสบภัยที่เสียชีวิต และโดยเฉพาะผู้ประสบภัยที่ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลมีความจำเป็นเร่งด่วน วงเงินความคุ้มครองควรได้รับการปรับปรุงให้เพียงพอต่อการรักษาพยาบาล
อย่างไรก็ตาม การปรับเพิ่มความคุ้มครองอาจมีการปรับวงเงินเพิ่มขึ้นเป็นระยะๆ เพื่อให้สังคมเกิดการปรับตัวและได้รับการยอมรับมากขึ้น เนื่องจากอาจต้องมีการปรับเพิ่มเบี้ยประกันภัยควบคู่กันไปด้วย อย่างไรก็ตามเห็นด้วยอย่างยิ่งกับการปรับเบี้ยประกันภัยรถจักรยานยนต์ให้สะท้อนภาพความจริงให้มากที่สุด ลดการนำเบี้ยประกันภัยรถยนต์ไปอุดหนุนผลขาดทุนรถจักรยานยนต์


