posttoday

ทายาทรุ่น2ตำนานกระเป๋าไทยลุยเปิดแบรนด์ใหม่ "อูม"

19 มกราคม 2558

"โรม่า โปโล" เติบโตอย่างสดใสและกำลังเข้าสู่ช่วงทายาทรุ่น 2 เข้ามาร่วมขยายธุรกิจแล้ว

โดย...วราภรณ์ เทียนเงิน

ตลาดกระเป๋าเดินทางในประเทศไทย ที่มีมูลค่ารวมประมาณ 2,500-3,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตในระดับสองหลักต่อเนื่องหลายปี เพราะการท่องเที่ยวถือเป็นไลฟ์สไตล์ของคนไทยทุกคน รวมถึงคนทั่วโลก ส่งผลให้ตลาดกระเป๋าเดินทาง จึงเป็นตลาดที่มีการแข่งขันรุนแรง เพราะมีหลายแบรนด์ แต่อีกหนึ่งแบรนด์ที่อยู่ในประเทศไทยมานานถึง 30 ปี และธุรกิจเติบโตอย่างสดใส คือ “โรม่า โปโล” และกำลังเข้าสู่ช่วงทายาทรุ่น 2 เข้ามาร่วมขยายธุรกิจแล้ว

“ฐานิดา รัถยาพิมล” ผู้บริหารด้านการตลาด บริษัท โรม่าอุตสาหกรรม ผู้บริหารแบรนด์กระเป๋า โรม่า โปโล (Romar Polo) และแบรนด์อื่นๆ ในเครือ ในฐานะทายาทรุ่น 2 ที่เข้ามาร่วมบริหาร และได้เปิดตัวแบรนด์ใหม่เข้ามาทำตลาดคือ อูม (Oom) ที่ได้ใช้มุ่งดีไซน์กระเป๋าให้มีความทันสมัย ใส่ความเป็นแฟชั่น และเป็นวัยรุ่นมากขึ้น

พร้อมกันนี้ มีการออกแบบลวดลายผ้าของกระเป๋า ให้มีความเป็นแฟชั่นมากขึ้น มีลวดลายแบบเฉพาะ (Signature) ที่ไม่เหมือนแบรนด์รายอื่น มีลายผ้าปักที่มีเอกลักษณ์ ส่งผลให้แบรนด์มีความโดดเด่นเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นในประเทศ รวมทั้งได้ออกแบบกระเป๋าให้มีหลายขนาด ไม่จำกัดเฉพาะกระเป๋าเดินทาง ยังรวมถึงกระเป๋าใช้งานขนาดเล็ก กระเป๋าถือ กระเป๋าสะพาย กระเป๋าเดินทางขนาดเล็ก

ทายาทรุ่น2ตำนานกระเป๋าไทยลุยเปิดแบรนด์ใหม่ "อูม"

กลุ่มลูกค้าเป้าหมายจะเจาะตลาดระดับกลาง เพื่อให้ลูกค้าทุกกลุ่มสามารถใช้สินค้าได้ อีกทั้ง ได้มีการสร้างนวัตกรรมใหม่ให้แก่กระเป๋า ทั้งกระเป๋าผ้าสามารถกันน้ำได้ กระเป๋าที่มีน้ำหนักเบามากขึ้น แต่คงมีความทนทานเหมือนเดิม เพราะบริษัทมีแผนกวิจัยและพัฒนาสินค้า (อาร์แอนด์ดี) ที่เป็นนโยบายที่บริษัทให้ความสำคัญสูงสุด

ช่องทางจำหน่ายจะเริ่มจาก เว็บไซด์ออนไลน์ และช่องทางอีคอมเมิร์ซ รวมทั้งกำลังหาตัวแทนจำหน่ายสินค้าในประเทศ เพื่อเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้า และสนใจจะเปิดชอปสาขาเดี่ยว (สแตน อะโลน) ในอนาคตด้วย เพื่อสร้างแบรนด์ให้เติบโตได้ดีต่อเนื่อง

ขณะที่แบรนด์หลักคือ “โรม่า โปโล” ทำตลาดมานานกว่า 30 ปี เริ่มจากรุ่นคุณพ่อ ก็เน้นช่องทางจำหน่ายผ่าน ศูนย์ค้าส่งต่างๆ ทั่วประเทศ และยังรับผลิตกระเป๋าตามแบบ (ออเดอร์) ที่ลูกค้าต้องการ โดยมีรูปแบบกระเป่าให้เลือกมากกว่า 1 หมื่นแบบ สัดส่วนการผลิตสินค้าจะแบ่งเป็น ผลิตเพื่อแบรนด์ของบริษัท 35% ผลิตโออีเอ็มและส่งออกไปต่างประเทศ สัดส่วน 65% ซึ่งมีการส่งออกไปต่างประเทศประมาณ 10 ประเทศ

จุดเด่นของแบรนด์ที่ทำให้ลูกค้านิยมเลือกซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่องมาจากการที่ แบรนด์มีคุณภาพ ยึดมั่นกับคำว่า คุณภาพมานานถึง 30 ปีตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ และกระเป่าเดินทางเลือกใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบา เมื่อเทียบกับกระเป๋าเดินทางแบบอื่น อีกทั้ง วางราคาขายในระดับปานกลาง จึงส่งผลดีให้ลูกค้าทุกกลุ่มสามารถเลือกใช้ได้ เพราะไม่ต้องการขายสินค้าในราคาแพง และเป็นกระเป๋าที่ใช้งานได้อย่างมีคุณค่า ทั้งนี้ปัจจุบันสินค้ามียอดการผลิตอยู่ที่ 2-3 แสนใบต่อเดือน

“ลูกค้ามีความเชื่อมั่นกับแบรนด์ของบริษัทสูงมาก เพราะสิ่งที่บริษัทยึดมั่นมายาวนานคือ  คุณภาพ ผลิตตามที่ลูกค้าต้องการ ให้ความซื่อสัตย์กับลูกค้า และมีราคาขายแบบคุ้มค่า โดยบริษัทสามารถขายสินค้าในราคาสูงได้ แต่ไม่ได้ต้องการขายราคาแพง เพราะอยากให้ลูกค้าทุกกลุ่มสามารถใช้งานได้หมด”ฐานิตา กล่าว

ส่วนปัจจัยลบในประเทศที่เศรษฐกิจและการเมืองนั้น ไม่มีผลกระทบต่อบริษัทมากนัก เพราะบริษัทมีออเดอร์จากลูกค้าหลัก ที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่ และสั่งให้ผลิตกระเป๋าระดับบน (พรีเมี่ยม) ทำให้ยอดการผลิตสินค้ายังขยายตัวได้ในระดับที่ดีอยู่ ขณะเดียวกัน ปัจจัยลบต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้น ถือเป็นวัฏจักรที่ต้องเกิดขึ้นตามปกติ บริษัทมีแผนงานต่างๆ เตรียมพร้อมรับมือ

แผนการของบริษัทต่อจากนี้ไป จะมุ่งขยายตลาดแบรนด์ เข้าไปในตลาดอาเซียน เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) เชื่อว่า ตลาดกระเป๋าเดินทางจะขยายตัวได้ดีต่อไป และการที่บริษัทมีสินค้าครบวงจร เป็นโรงงานที่ผลิตสินค้าตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ มีความเชี่ยวชาญในการผลิตกระเป๋าสูง มีเอกลักษณ์ ดีไซน์ของกระเป๋าที่มีรูปแบบเฉพาะตัว ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นในทุกปี

แนวคิดทำธุรกิจกระเป๋าเดินทาง "อูม"

-ใช้นวัตกรรมพัฒนาสินค้า
-รักษาคุณภาพสินค้า และความคงทน
-ดีไซน์แฟชั่นและมีแบบซิกเนเจอร์
-วางราคาขายให้ระดับปานกลาง

ทายาทรุ่น2ตำนานกระเป๋าไทยลุยเปิดแบรนด์ใหม่ "อูม"

 

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"