ไหม…สร้างญี่ปุ่น (10)
เมื่อ Strenght ของดัตช์กับญี่ปุ่นมาเจอกันถูกที่ถูกเวลา สินค้าและวัฒนธรรมญี่ปุ่นก็ค่อยๆ เข้าไปอยู่ในจินตนาการของคนยุโรป
เมื่อ Strenght ของดัตช์กับญี่ปุ่นมาเจอกันถูกที่ถูกเวลา สินค้าและวัฒนธรรมญี่ปุ่นก็ค่อยๆ เข้าไปอยู่ในจินตนาการของคนยุโรป
การมีสินค้าอย่างเดียวนั้นไม่พอ ต้องมีการตลาดและการขายสนับสนุนด้วย
ขณะนั้นในยุโรปก็มีการเลี้ยงไหมแต่ยังมีจำนวนน้อย พ่อค้าดัตช์สร้างคุณค่าให้ผ้าไหมญี่ปุ่นเป็นผ้าจากตะวันออกที่ดูดีมีราคา เป็นสินค้าในจินตนาการที่จะเติมเต็มให้กับชีวิต
ฝีมือทางการค้าของดัตช์นั้นต้องนับว่าเหนือชั้น ซึ่งรู้กันว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังการค้าของดัชต์ส่วนใหญ่เป็นยิวซึ่งอพยพไปจากการถูกฆ่าในสเปนประมาณ 100 ปีก่อนหน้านั้น
ประเทศที่เข้าไปค้าขายในญี่ปุ่นในสมัยแรกก็มีตั้งหลายประเทศ แต่ประเทศไหนๆ ก็สู้ดัตช์ไม่ได้ อังกฤษเองก็เข้าไปค้าในญี่ปุ่น แต่ไม่ได้กำไรจึงหยุดค้ากับญี่ปุ่นไปเฉยๆ โปรตุเกสซื้อไหมดิบจากมาเก๊าไปให้ญี่ปุ่น แต่ก็ทำตลาดสุดท้ายสู้ดัชต์ไม่ได้
ความสำเร็จของพวกค้าขายและล่าอาณานิคม เช่น พวกดัตช์นั้นว่าตามจริงแล้ว ไม่ได้ง่ายหรือหอมหวาน เพราะต้องจับตลาดลูกค้าที่มีฐานะให้ได้ เนื่องจากสินค้าจากการเดินเรือโดยทั่วไปยังอยู่ในระดับแพง เพราะมีค่าความเสี่ยงจากการเดินเรือ ซึ่งกองเรือแต่ละประเทศถือว่าเป็นต้นทุน
แต่ดัตช์ประสบความสำเร็จในการจัดการเรื่องราคา
กองเรือสินค้า East India ที่มาทางเอเชียและ West India ที่ไปทางอเมริกาของดัตช์เป็นที่เลื่องลือไปทั่วยุโรป เรือสินค้าดัตช์ต้องพบกับเหตุการณ์เรือแตก จม ล่ม คนที่มากับเรือไม่ได้กลับบ้านประมาณครึ่ง ปัจจุบันมีพวกกู้เรืออยู่พวกหนึ่งที่ออกตามรอยเรือดัตช์ที่จมใต้ทะเล โดยเฉพาะในเส้นทาง Silk Route ทางทะเล ซึ่งพบซากเรือดัตช์แตกมีสมบัติค้างเป็นข่าวอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะในแถบทะเลจีนมีเรือดัตช์ล่มอยู่จำนวนมาก
ดัตช์เป็นผู้สร้างแบรนด์ให้กับ “ผ้าไหมญี่ปุ่น” ขั้นแรกเริ่มในระดับนานาชาติตัวจริง เพราะเมื่อได้ผ้าไหมจากญี่ปุ่นไปแล้ว ก็ไปโฆษณาที่ยุโรปเพื่อขายสินค้าตัวเอง ซึ่งทำให้เกิดผล 2 ทางคือ
1.ทำให้ผ้าไหมญี่ปุ่นที่ตนซื้อไปขายได้ราคาดี
2.ทำให้ “ผ้าไหมญี่ปุ่น” กลายเป็นแบรนด์ที่เข้มแข็งขึ้นมา และกลายเป็นผ้าไหมในตำนานไม่ด้อยไปกว่าผ้าไหมจีน โดยญี่ปุ่นแทบไม่รู้เลยว่าห่างจากบ้านตนเองไปไกลที่ยุโรปนั้น ผ้าไหมของตนเองจี๊ดจ๊าดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ...ตนเองก้มหน้าก้มตาทอขายลูกเดียว
การถ่ายเททางวัฒนธรรมระหว่างดัตช์กับญี่ปุ่นยังมีสิ่งตกค้างกันอยู่ใน 2 ประเทศหลายอย่าง
ดัตช์กับญี่ปุ่นมีคุณูปการต่อกันมาก ดัตช์เป็นประเทศที่ญี่ปุ่นให้ความเป็นพิเศษมาก ทั้งนี้ก็เป็นเรื่องที่ดัตช์ไวต่อความผันผวนทางการเมืองในญี่ปุ่น ...ก็น่าจะเป็นกรณีศึกษาเหมือนกันนะคะ เพราะก่อนหน้านั้นโปรตุเกสเข้าไปค้าขายในญี่ปุ่น แต่ไปพยายามให้คนญี่ปุ่นเข้ารีตไดเมียวหลายคนก็ยังหันไปเข้ารีตกิจกรรมทางศาสนาคู่การเมืองและการค้าของโปรตุเกสทำให้คนญี่ปุ่นแตกแยกและเกิดความวุ่นวาย
ที่ฟิลิปปินส์นั้นสเปนไล่โปรตุเกสออกแล้วนำศาสนาคริสต์เข้าไปกับการเมืองแล้วยึดประเทศ โปรตุเกสก็ตั้งเค้าว่าจะทำอย่างนั้นกับญี่ปุ่น
ค.ศ. 1637 โชกุนมองถึงเรื่องความมั่นคงของประเทศเพราะคนญี่ปุ่นหันไปเข้ารีตมากถึง 3 แสนคน และคนคริสต์เริ่มก่อความขัดแย้งในประเทศ ปล่อยไว้จะเอาไม่อยู่ จึงสั่งจับคนคาทอลิกทั้งที่เป็นโปรตุเกสและญี่ปุ่นระดับหัวแถวมา...
เผาทั้งเป็นตัดคอ แขวนคอ ตรึงไม้กางเขน ตายไปหลายร้อย ทำให้ชาวคริสต์ญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งลงเรือหนีมาอยู่พระนครศรีอยุธยาบ้านเรานี่แหละค่ะ
แปลกนะคะ... ใครบ้านแตกก็ชอบมาอยู่เมืองไทย ดูสิคะ ญวน เขมร ลาว จีน ม้ง มอญ...
เอาดิ... แม้แต่ญี่ปุ่นก็ยังมา เมืองไทยเรานี่ร่มเย็นจริงๆ เรารักเมืองไทยกันให้มากๆ นะคะ
(อ่านต่อวันอังคารหน้า)


