วัดใจ ‘บิ๊กตู่’ ทวงคืนที่ดิน สปก.
นโยบายการจัดสรรที่ดินทำกินให้เกษตรกรถือเป็นนโยบายที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เห็นได้จากการลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ นั่งเป็นประธาน
นโยบายการจัดสรรที่ดินทำกินให้เกษตรกรถือเป็นนโยบายที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เห็นได้จากการลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ นั่งเป็นประธาน
แน่นอนว่าที่ดินที่รัฐบาลหมายตาว่าจะนำมาจัดสรรให้เกษตรกร คือ ที่ดิน ส.ป.ก. ซึ่งข้อมูลจากสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ระบุว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีนายทุนธุรกิจเกษตรรายใหญ่ และผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. แบบเบ็ดเสร็จ 5 ล้านไร่
แต่ก็ต้องถือว่าตอนนี้นาทีนี้ถือเป็นโอกาสทองในการจัดระเบียบที่ดิน ส.ป.ก.เช่นที่ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่า “นี่เป็นช่วงนาทีทองที่จะมีการทวงคืนผืนป่า เพราะมีกฎหมายพิเศษ ที่สามารถเรียกนายทุน ผู้มีอิทธิพล หรือผู้ที่ถือครองเป็นนอมินีที่ดินมาให้ข้อมูลได้ หากไม่รีบทำตอนนี้ โอกาสหน้าทำยาก เพราะรัฐบาลเลือกตั้งจะไม่ค่อยเอาจริงเพราะเกรงจะกระทบฐานเสียง ทำให้ประเทศไทยเสียพื้นที่ป่าไม้ให้กับผู้มีอิทธิพลจำนวนมาก”
จากนโยบายที่รัฐบาลส่งมอบให้แต่ละหน่วยงาน จะพบว่านอกจากการทวงคืนพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกแล้ว การทวงคืนที่ดิน ส.ป.ก.ที่อยู่ในการครอบครองของนายทุนก็มีความคืบหน้าไม่น้อย เพราะจากการที่ ส.ป.ก.ลงตรวจสอบที่ดิน ส.ป.ก.ใน 12 จังหวัดในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา พบว่ามีการครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.โดยมิชอบมากกว่า 1.1 แสนไร่เลยทีเดียว
“ผลการสำรวจผู้ครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. 5 ล้านไร่ที่ ส.ป.ก. ได้ดำเนินการลงพื้นที่รายแปลงใน 12 จังหวัด ตรวจสอบพบว่ามีที่ดิน 1.1 แสนแปลงอยู่ในการครอบครองของนายทุน และขณะนี้กำลังดำเนินการตรวจสอบที่ดิน ส.ป.ก.ในจังหวัดที่เหลือต่อไป ก่อนเสนอ รมว.เกษตรฯ ต่อไป” วีระชัยนาควิบูลย์วงศ์ เลขาธิการ ส.ป.ก.ระบุ
อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบและทวงคืนที่ดิน ส.ป.ก.ไม่ใช่งานที่ง่ายเลย เพราะเจ้าหน้าที่ที่ลงพื้นที่จะได้รับแรงกดดันอย่างมาก แต่สิ่งที่แตกต่างจากการดำเนินการในอดีต คือ การมีเจ้าหน้าที่ทหารและกองอำนวยการรักษารักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ตามประกบในทุกพื้นที่
แต่กระนั้นการทวงคืนที่ดิน ส.ป.ก. กลับใช้วิธีการเจรจาที่อะลุ่มอล่วยตามวิธีการของ ส.ป.ก. คือ กรณีผู้ถือครองที่ดินแต่ไม่ทำประโยชน์ จะเจรจาเพื่อขอให้มีการกระจายการถือครองที่ดิน กรณีทำการเกษตร จะจัดให้เช่าในรูปแบบสหกรณ์ หรือให้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากพืชที่ปลูก และกรณีที่สั่งให้ออกจากที่ดิน รัฐอาจมีการจ่ายค่าสินไหม แต่หากเป็นนายทุนหรือผู้ครอบครองโดยมิชอบ ไม่ยอมให้ความร่วมมือ ทาง ส.ป.ก.จะดำเนินการฟ้องศาลและบังคับคดีต่อไป
ทว่า การเจรจาทวงคืนที่ดิน ส.ป.ก.และนำมาจัดสรรให้เกษตรกร ซึ่งในปี 2558 รัฐบาลตั้งเป้าจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก.ให้เกษตรกร 5 หมื่นไร่จากเป้าหมาย 7 แสนไร่ ถูกตั้งคำถามว่าเป็นไปได้ยาก
เพราะจากข้อมูล ส.ป.ก.ล่าสุดพบว่า การลงพื้นที่ 12 จังหวัด พบว่าที่ดิน 1.1 แสนไร่อยู่ในการครอบครองของนายทุนและบริษัทเอกชน 105 ราย แบ่งเป็นภาคเหนือ 54 ราย พื้นที่ 1.4 หมื่นไร่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมี 17 ราย แต่ถือครองที่ดินสูงถึง 9,800 ไร่ เช่น นายทหารนอกราชการคนหนึ่งถือครองที่ดิน ส.ป.ก.ใน จ.อุดรธานี 1,800 ไร่
ภาคกลางมีผู้ครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.นับร้อยราย มีพื้นที่ครอบครอง 3.6 หมื่นไร่ และปรากฏชื่อเครือข่ายนักการเมืองระดับประเทศเข้าไปเกี่ยวข้อง เช่น กลุ่ม ส.เทียนทอง 2,500 ไร่ บริษัทสวนป่าแห่งหนึ่ง 5,000 ไร่ มีคุณหญิงคนหนึ่งที่ถือครองที่ดิน 6,000 ไร่ ส่วนรายอื่นๆ พบว่าถือครองที่ดิน ส.ป.ก.ตั้งแต่ 50 ไร่ถึงระดับ 1,000 ไร่ ในขณะที่ภาคใต้มีผู้ครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. 11 ราย 5.2 หมื่นไร่ โดยส่วนใหญ่เป็นธุรกิจสวนปาล์ม อาทิ บริษัท จิตธวัชสวนปาล์ม 1.3 หมื่นไร่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศรีวิไลปาล์ม 9,000 ไร่ เป็นต้น
นี่จึงเป็นภารกิจท้าทายของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ ในการทวงคืนที่ดิน ส.ป.ก.


