posttoday

พกปืนเข้าศาล ถือเป็นความผิดร้ายแรง

30 ตุลาคม 2557

เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา มีข่าวทหารกลุ่มหนึ่งเข้าไปภายในบริเวณศาลจังหวัดภูเก็ต มีการพกพาอาวุธปืนเข้าไปด้วย โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากหัวหน้าศาล

เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา มีข่าวทหารกลุ่มหนึ่งเข้าไปภายในบริเวณศาลจังหวัดภูเก็ต มีการพกพาอาวุธปืนเข้าไปด้วย โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากหัวหน้าศาล การกระทำดังกล่าวเป็นการก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยภายในบริเวณศาล ซึ่งทหารก็ชี้แจงว่า ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในบริเวณศาล เป็นเรื่องขาดความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติตามข้อห้ามของศาล มีท่านผู้อ่านหลายรายสอบถามมายังทนายคลายทุกข์ว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่น ตำรวจ ทหาร อาสาสมัคร เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ มีสิทธิตามกฎหมายที่จะพกพาอาวุธปืนเข้ามาภายในบริเวณศาลได้หรือไม่ และที่ผ่านมาเคยมีคดีประเภทนี้หรือไม่ ทนายคลายทุกข์ขอชี้แจงว่า ที่ผ่านมาเคยมีบุคคลถูกลงโทษฐานพกพาอาวุธปืนเข้าไปบริเวณศาลแล้ว โดยไม่รอการลงโทษ โดยศาลเห็นว่าเป็นการแสดงถึงความไม่เคารพยำเกรงกฎหมาย ดังตัวอย่างคดีที่ศาลเคยตัดสินมาแล้วข้างล่างนี้

คดีแรก คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5100/2543

อาคารที่ทำการศาลยุติธรรมเป็นสถานที่อำนวยความยุติธรรม ให้แก่ประชาชนผู้มีอรรถคดี บุคคลผู้มีอรรถคดีต้องมีความมั่นใจ และมีความอบอุ่นในความปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง การที่ผู้ถูกกล่าวหาพกพาอาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงดังกล่าวเข้าไปในบริเวณที่ทำการศาล แสดงถึงความไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมาย ถือได้ว่าเป็นความผิดร้ายแรง ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาลงโทษ จำคุกผู้ถูกกล่าวหา 2 เดือน และไม่รอการลงโทษเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีและเป็นคุณแก่จำเลยมากแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข

คดีที่สอง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3016/2522

ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 31(1) มีอยู่ 2 กรณี คือ ขัดขืนไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของศาลที่ออกตามมาตรา 30 เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในบริเวณศาลกรณีหนึ่ง หรือประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลอีกกรณีหนึ่ง เฉพาะในกรณีหลังนี้เมื่อผู้ใดเข้ามาในบริเวณศาลแล้วประพฤติตนไม่เรียบร้อยก็เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล โดยศาลไม่จำต้องออกข้อกำหนดเสียก่อน การที่ผู้ถูกกล่าวหาพกพาอาวุธปืนพร้อมด้วยกระสุนปืนเข้ามาในบริเวณศาล ก็ถือได้ว่าเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลแล้ว

คดีที่สาม คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1985/2497

พกปืนบรรจุกระสุนพร้อมเข้าไปในศาล แม้จะอยู่ภายในเสื้อปกปิด ก็แสดงว่าไม่มีการคารวะต่อศาล เป็นการละเมิดอำนาจศาล

ตัวบทกฎหมายอ้างอิงเกี่ยวกับการละเมิดอำนาจศาล

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

มาตรา 31 ผู้ใดกระทำการอย่างใดๆ ดังกล่าวต่อไปนี้ ให้ถือว่ากระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาล

(1) ขัดขืนไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของศาลตามมาตราก่อนอันว่าด้วยการรักษาความเรียบร้อย หรือประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล

(2) เมื่อได้มีคำร้องและได้รับอนุญาตจากศาลให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลตามมาตรา 156/1 แล้ว ปรากฏว่าได้แสดงข้อเท็จจริงหรือเสนอพยานหลักฐานอันเป็นเท็จต่อศาลในการไต่สวนคำร้องขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล

(3) เมื่อรู้ว่าจะมีการส่งคำคู่ความหรือส่งเอกสารอื่นๆ ถึงตน แล้วจงใจไปเสียให้พ้น หรือหาทางหลีกเลี่ยงที่จะไม่รับคำคู่ความหรือเอกสารนั้นโดยสถานอื่น

(4) ตรวจเอกสารทั้งหมด หรือฉบับใดฉบับหนึ่ง ซึ่งอยู่ในสำนวนความ หรือคัดเอาสำเนาเอกสารเหล่านั้นไป โดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติ มาตรา 54

(5) ขัดขืนไม่มาศาล เมื่อศาลได้มีคำสั่งตามมาตรา 19 หรือมีหมายเรียกตามมาตรา 277

มาตรา 32 ผู้ใดเป็นผู้ประพันธ์ บรรณาธิการ หรือผู้พิมพ์โฆษณาซึ่งหนังสือพิมพ์ หรือสิ่งพิมพ์อันออกโฆษณาต่อประชาชน ไม่ว่าบุคคลเหล่านั้นจะได้รู้ถึงซึ่งข้อความหรือการออกโฆษณาแห่งหนังสือพิมพ์ หรือสิ่งพิมพ์เช่นว่านั้นหรือไม่ ให้ถือว่าได้กระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาลในกรณีอย่างใดอย่างหนึ่งในสองอย่างดังจะกล่าวต่อไปนี้

(1) ไม่ว่าเวลาใดๆ ถ้าหนังสือพิมพ์หรือสิ่งพิมพ์เช่นว่ามานั้นได้กล่าวหรือแสดงไม่ว่าโดยวิธีใดๆ ซึ่งข้อความหรือความเห็นอันเป็นการเปิดเผยข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์อื่นๆ แห่งคดี หรือกระบวนพิจารณาใดๆ แห่งคดี ซึ่งเพื่อความเหมาะสมหรือเพื่อคุ้มครองสาธารณประโยชน์ ศาลได้มีคำสั่งห้ามการออกโฆษณาสิ่งเหล่านั้น ไม่ว่าโดยวิธีใดเพียงแต่สั่งให้พิจารณาโดยไม่เปิดเผยหรือโดยวิธีห้ามการออกโฆษณาโดยชัดแจ้ง

(2) ถ้าหนังสือพิมพ์หรือสิ่งพิมพ์ได้กล่าวหรือแสดงไม่ว่าโดยวิธีใดๆ ในระหว่างการพิจารณาแห่งคดีไปจนมีคำพิพากษาเป็นที่สุด ซึ่งข้อความหรือความเห็นโดยประสงค์จะให้มีอิทธิพลเหนือความรู้สึกของประชาชน หรือเหนือศาลหรือเหนือคู่ความหรือเหนือพยานแห่งคดีซึ่งพอเห็นได้ว่าจะทำให้การพิจารณาคดีเสียความยุติธรรมไป เช่น

ก. เป็นการแสดงผิดจากข้อเท็จจริงแห่งคดี หรือ

ข. เป็นรายงานหรือย่อเรื่องหรือวิภาค ซึ่งกระบวนพิจารณาแห่งคดีอย่างไม่เป็นกลางและไม่ถูกต้อง หรือ

ค. เป็นการวิภาคโดยไม่เป็นธรรม ซึ่งการดำเนินคดีของคู่ความ หรือคำพยานหลักฐาน หรือนิสัยความประพฤติของคู่ความหรือพยาน รวมทั้งการแถลงข้อความอันเป็นการเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงของคู่ความหรือพยาน แม้ถึงว่าข้อความเหล่านั้นจะเป็นความจริง หรือ

ง. เป็นการชักจูงให้เกิดมีคำพยานเท็จ

เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ ให้นำวิเคราะห์ศัพท์ทั้งปวงในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการพิมพ์พุทธศักราช 2476 มาใช้บังคับ

มาตรา 33 ถ้าคู่ความฝ่ายใดหรือบุคคลใดกระทำความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลใด ให้ศาลนั้นมีอำนาจสั่งลงโทษโดยวิธีใดวิธีหนึ่ง หรือทั้งสองวิธีดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ

(ก) ไล่ออกจากบริเวณศาล หรือ

(ข) ให้ลงโทษจำคุก หรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ

การไล่ออกจากบริเวณศาลนั้นให้กระทำได้ชั่วระยะเวลาที่ศาลนั่งพิจารณาหรือภายในระยะเวลาใดๆ ก็ได้ตามที่ศาลเห็นสมควร เมื่อจำเป็นจะเรียกให้ตำรวจช่วยจัดการก็ได้

ในกรณีกำหนดโทษจำคุกและปรับนั้นให้จำคุกได้ไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าร้อยบาท

ศาลยุติธรรมเป็นสถานที่อำนวยความยุติธรรม บุคคลทุกคนต้องให้ความเคารพนะครับ

ข่าวล่าสุด

โปรแกรมบอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด บอลวันนี้ วันเสาร์ที่ 20 ธ.ค. 68