จินตนาการ
ในสัปดาห์นี้ ผมโชคดีจริงๆ ได้รับฟังเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจถึง 2 เรื่อง
ในสัปดาห์นี้ ผมโชคดีจริงๆ ได้รับฟังเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจถึง 2 เรื่อง เรื่องแรก เป็นเรื่องของโรงเรียนอนุบาลญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ที่คุณครูให้นักเรียนวาดรูปสัตว์อะไรก็ได้ตามใจชอบ ปรากฏว่านักเรียนทั้งชั้นก็วาดหมู หมา กา ไก่ ฯลฯ กันอย่างสนุกสนาน แต่มีเด็กนักเรียนคนหนึ่งแทนที่จะวาดรูปสัตว์ กลับเอาแต่ระบายสีดำจนเต็มหน้ากระดาษแผ่นแล้วแผ่นเล่า เมื่อครูถามว่าวาดรูปอะไรก็ไม่ยอมบอก เอาแต่ระบายสีดำอย่างเดียว จนคุณครูเริ่มเป็นห่วงเชิญพ่อแม่ของเด็กคนนั้นมาพบ แต่แม้พ่อแม่ของเด็กจะถามว่าลูกระบายสีดำทำไม ก็ไม่ได้รับคำตอบ สุดท้ายจึงต้องปรึกษาจิตแพทย์ หลังจากคุณหมอตรวจวินิจฉัยก็ไม่พบความผิดปกติเช่นกัน แต่สิ่งที่ยังคงเป็นปริศนาก็คือ เด็กระบายสีดำจนเต็มหน้ากระดาษแผ่นแล้วแผ่นเล่าทำไม จนวันหนึ่งคำตอบก็ถูกเปิดเผย เมื่อเด็กเอากระดาษสีดำที่ตนเองระบายเป็นพันๆ แผ่นมาเรียงกันจนเต็มโรงยิมของโรงเรียน ภาพที่เกิดจากการเอากระดาษมาเรียงกันก็คือ รูปปลาวาฬสีดำขนาดใหญ่เต็มโรงยิม
หลายๆ ครั้ง เรื่องราวความคิดของเด็กๆ ก็สอนผู้ใหญ่ที่หลงตัวเองว่าฉลาดได้เหมือนกัน เรื่องนี้ก็เช่นกัน สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ ก็คืออย่าจำกัดความคิดของเราเองให้อยู่แต่ในกรอบของความเคยชิน กรอบของความกลัว ฯลฯ เหมือนเด็กคนนี้ที่ไม่จำกัดความคิดของตนว่ารูปสัตว์ต้องอยู่ในกระดาษแผ่นเดียว แต่กลับแหกกฎความคิดให้กระดาษอยู่ในรูปสัตว์แทน เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่เรื่องของ Katherine Commale เด็กสาวที่เมื่อตอนอายุแค่ 5 ขวบ เพียงแค่ดูสารคดีของทวีปแอฟริกาที่บอกว่า เฉลี่ย 30 วินาที ก็จะมีเด็กคนหนึ่งตายเพราะโรคมาลาเรีย ก็เกิดความคิดว่า “เราต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยเหลือเด็กแอฟริกาเหล่านั้น” โดยเริ่มจากการไม่กินขนม ไม่ซื้อตุ๊กตาบาร์บี้ เพื่อหาเงินซื้อมุ้งให้เด็กแอฟริกาในการป้องกันยุงก้นปล่อง ผ่านหน่วยงานหนึ่งที่ชื่อ Nothing but net “ไม่เอาอะไรนอกจากมุ้ง” หน่วยงานนี้จะส่งมุ้งไปให้เด็กแอฟริกาโดยเฉพาะ แคทเธอรีนจึงจัดการส่งมุ้งไปให้หน่วยงานนี้ด้วยมือของตัวเอง ผ่านไป 1 สัปดาห์เธอได้รับจดหมายขอบคุณจากหน่วยงานนี้ ในจดหมายบอกว่าเธอเป็นผู้บริจาคที่อายุน้อยที่สุด และบอกอีกว่า ถ้าบริจาคครบ 10 อัน จะได้รับใบประกาศเกียรติคุณ
แคทเธอรีนขอให้แม่ไปเปิดท้ายขายของกับเธอ เอาหนังสือเก่า ของเล่น เสื้อผ้าเก่ามาขายๆ ได้เงินจะได้เอาไปบริจาค แต่ขายไม่ดีเลย เธอคิดว่า “ตอนหนูบริจาคมุ้ง เขายังให้ใบประกาศเกียรติคุณ งั้นคนอื่นซื้อของหนู ให้เงินหนู งั้นเขาก็ต้องได้รับเหมือนกันเนาะ” แล้วเธอก็เริ่มลงมือทำใบประกาศเกียรติคุณ ใบประกาศเกียรติคุณทุกใบมีลายมือที่เขียนโดยตัวเธอเองว่า “ในนามของคุณ เราได้ซื้อมุ้ง 1 อัน ส่งไปแอฟริกา” แน่นอนมีลายเซ็นเธอด้วย แค่บริจาค 10 เหรียญสหรัฐ ซื้อมุ้ง 1 อัน ก็จะได้ใบประกาศเกียรติคุณ บาทหลวงในชุมชนก็เชิญเธอไปพูดในโบสถ์ พูดแค่ 3 นาที ก็ได้เงินบริจาคมา 800 เหรียญสหรัฐ ทำให้เธอมีกำลังใจเพิ่มขึ้นมาก เดินทางไปพูดที่โบสถ์อื่น ตอนเธออายุครบ 6 ขวบ ได้รับเงินบริจาคแล้ว 6,316 เหรียญสหรัฐ
วันหนึ่งเธอเห็นเบคแฮมปรากฏตัวทางทีวี ช่วยทำประชาสัมพันธ์การกุศลให้ “ไม่เอาอะไรนอกจากมุ้ง” เธอรีบเขียนจดหมายขอบคุณไปให้เขา และแน่นอนเธอได้ส่งใบประกาศเกียรติคุณไปให้เขาด้วย 1 ใบ จากนั้นเบคแฮมเอาใบประกาศเกียรติคุณนี้ขึ้นเว็บส่วนตัว เรื่องจึงแพร่กระจายออกไปอีก ถัดมาเธอและทีมงานลงมือทำใบประกาศเกียรติคุณ 100 ใบ ส่งให้มหาเศรษฐีที่ติดอันดับในนิตยสารฟอร์บส์ (Forbs) ในนั้นมีอยู่ใบนึงเขียนว่า “คุณบิลเกตที่เคารพ ไม่มีมุ้ง เด็กแอฟริกาจะตายเพราะมาลาเรีย พวกเขาต้องการเงิน แต่เงินอยู่ที่คุณ...”
2007115... มูลนิธิบิลเกตประกาศบริจาคเงิน 3 ล้านเหรียญ ให้ “ไม่เอาอะไรนอกจากมุ้ง” บิลเกต บอกว่า “ผมได้รับใบประกาศเกียรติคุณพร้อมจดหมายฉบับหนึ่ง บอกว่า เงินที่ซื้อมุ้งให้เด็กแอฟริกาอยู่ที่ผม ถ้าผมไม่เอาเงินออกมา ไม่ได้แน่”
ปี 2008... มูลนิธิบิลเกตออกเงินถ่ายทำสารคดี “เด็กช่วยเด็ก”แคทเธอรีนจึงได้เหยียบแผ่นดินแอฟริกา ตอนเธอเห็นพวกเด็กๆ เขียนชื่อเธอไว้บนมุ้ง พวกเขาเรียกมุ้งช่วยชีวิตนี้ว่า “มุ้งแคทเธอรีน” หมู่บ้านนี้ เดี๋ยวนี้ชื่อว่า “หมู่บ้านแคทเธอรีน”
เมื่อตอนที่หนูน้อยแคทเธอรีนอายุ 7 ขวบ ก็ได้ช่วยชีวิตเด็กแอฟริกาแล้วถึง 2 หมื่นคน อ่านเรื่องนี้แล้ว ก็อดนึกถึงตนเองและผู้ใหญ่อีกหลายๆ คนที่ผมเคยได้คุยด้วยไม่ได้ พวกเราเป็นผู้ใหญ่กว่า มีความรู้มากกว่า มีคอนเนกชั่นมากกว่า มีกำลังทรัพย์มากกว่า และมีอะไรอีกหลายอย่างที่ช่วยให้เราประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มากกว่าน้องแคทเธอรีนอีก แต่เราเองกลับจำกัดโอกาสความสำเร็จของเราเพียงความไม่กล้า ความเคยชิน ฯลฯ ดูถูกตนเองว่า “ทำไม่ได้” ก็ขนาดน้องแคทเธอรีนอายุแค่ 5 ขวบ ยังทำเรื่องยิ่งใหญ่อย่างนี้สำเร็จ เราคงไม่มีข้อแก้ตัวง่ายๆ ว่า “ทำไม่ได้” เช่นกัน
ท่านที่สนใจบทความทางการเงินที่ผมได้เขียนเองและได้รวบรวมจากแหล่งต่างๆ สำหรับเผยแพร่ให้ท่านผู้สนใจทุกท่าน ขอเชิญไปกด Like ได้ที่ page ใน face book ชื่อ Sathit Bovornsantisuth CFP เพื่อติดตามข้อมูลข่าวสารต่อไปได้ครับ...ขอบคุณครับ


