Cyberjaya มาเลย์ทะยานสู่โลกไซเบอร์
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาผมมีโอกาสได้เดินทางไปนำเสนอบทความ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในงานประชุมวิชาการ KoSASA (Korean Studies Association of Southeast Asia) ซึ่งมหาวิทยาลัย University of Malaya, Korean Development Institute และ University of New South Wales, Australia ร่วมเป็นเจ้าภาพ
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาผมมีโอกาสได้เดินทางไปนำเสนอบทความ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในงานประชุมวิชาการ KoSASA (Korean Studies Association of Southeast Asia) ซึ่งมหาวิทยาลัย University of Malaya, Korean Development Institute และ University of New South Wales, Australia ร่วมเป็นเจ้าภาพ
ทางเจ้าภาพได้พาไปรับประทานอาหารค่ำพร้อมทั้งทัศนศึกษาที่เมือง Cyberjaya ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปจากเมืองหลวงกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปทางใต้ประมาณ 50 กิโลเมตรครับ
นครแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขต Sepang รัฐ Selangor ไม่ใกล้ไม่ไกลจากสนามบินนานาชาติและนครปุตราจายา (Putrajaya) เมืองศูนย์กลางของระบบราชการของประเทศมาเลเซีย
ที่นี่เป็นเมืองใหม่ ถูกสร้างขึ้นและเปิดใช้งานระบบเมืองอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2540 ที่ผ่านมานี้เองครับ ภายใต้วิสัยทัศน์ของอดีตนายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮัมหมัด ที่ต้องการให้การพัฒนาทางด้าน Software และ Hardware คอมพิวเตอร์ รวมทั้งบริการต่อเนื่องอื่นๆ เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมนำหน้า ผลักดันให้มาเลเซียกลายเป็นประเทศที่มีระดับรายได้สูง (HighIncome Country) ภายในปี ค.ศ. 2020 หรือในอีก 6 ปีข้างหน้า
ทางการมาเลเซียเนรมิตสวนปาล์มน้ำมันขนาด 7,000 เอเคอร์ (หรือกว่า 17,700 ไร่) แห่งนี้ขึ้นเพื่อให้บรรลุ 3 วัตถุประสงค์หลักครับ นั่นคือ
1.ต้องเป็นศูนย์กลางมัลติมีเดียที่มีความทันสมัยมากที่สุด เพื่อดึงดูดบริษัท IT/Multimedia ชั้นนำของโลกให้มาตั้งสำนักงาน
2.ต้องมีระบบสาธารณูปโภคและระบบเครือข่ายโทรคมนาคมที่มีประสิทธิภาพและมีความทันสมัยที่สุด และ 3.ต้องมีระบบการขนส่งมวลชนภายในเมืองที่ทันสมัย ครอบคลุม และมีประสิทธิภาพ
ที่ต้องทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ Cyberjaya ได้ชื่อว่าเป็น Silicon Valley of Malaysia ซึ่งปัจจุบันบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ อาทิ Shell, NTT MSC, BMW, DHL, HP, Dell, IBM, HSBC ต่างก็เข้าไปใช้ Cyberjaya เป็นสถานที่ตั้งสำนักงาน เป็นศูนย์ Data Center และ Call Center แล้ว
และเพื่อสร้างบุคลากรทางคอมพิวเตอร์ ปัจจุบัน Cyberjayaเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยที่เปิดสอนในศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับ IT ถึง 6 สถาบัน ได้แก่ Malaysia Multimedia University (MMU), Lim Kok Wing University of Creative Technology, University Malaysia of Computer Science & Engineering, Cyberjaya University College of Medical Sciences, Cyber Putra College และ Kirkby International College
เมื่อนักศึกษาเรียนจบจากมหาวิทยาลัยเหล่านี้ ทางการมาเลเซียจะสนับสนุนให้พวกเขาเริ่มต้นเปิดบริษัท IT ของตนเองโดยมีการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกหลายๆ อย่างให้ เช่น อาคารสำนักงานที่แบ่งเป็นหน่วยเล็กๆ พื้นที่ไม่มาก เพื่อให้มีค่าเช่าราคาไม่แพง รวมทั้งให้เงินทุนสนับสนุนเพื่อให้บัณฑิตที่จบออกมาเข้ามาเช่าสถานที่เพื่อเปิดบริษัท ในห้องเล็กๆ เหล่านี้คือห้องทำงานของนักคิดนักเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์
และทางการก็ให้อาคารเหล่านี้มีพื้นที่ส่วนกลางเพื่อให้ผู้เช่าได้ใช้ห้องรับแขก ห้องประชุมร่วมกันเพื่อเป็นการลดต้นทุน รวมทั้งยังจัดหาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยและมีราคาสูง เพื่อนำมาเป็นของส่วนกลางให้แต่ละออฟฟิศเล็กๆ สามารถผลัดเปลี่ยนกันมาใช้เครื่องมือเหล่านี้ได้โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนด้วยตนเอง
ในบางโอกาสทางการก็จะเชิญนักเขียนโปรแกรม หรือนักมัลติมิเดียที่มีชื่อเสียงระดับโลก หรือนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้มาบรรยายในลักษณะ Public Lecture เพื่อให้บรรดานักธุรกิจ/นักเขียนโปรแกรมหน้าใหม่ๆ เหล่านี้ได้เรียนรู้ประสบการณ์โดยไม่จำเป็นต้องจ้างคนมาสอน หรือเดินทางไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง
จะเห็นได้ว่าการพัฒนาอุตสาหกรรมสำคัญๆ เหล่านี้เป็นโครงการที่ต้องลงทุนสูง ใช้ระยะเวลายาวนาน และต้องทำให้ครบทั้งวงจร Hardware ที่ลงไปจะคุณภาพดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่คิดถึงเรื่องของการเตรียม Peopleware ให้พร้อมก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จได้
ทั้งนี้ เพราะคนคือหัวใจของทุกสิ่งทุกอย่างครับ


