posttoday

รอซื้อพันธบัตรรัฐ

18 กันยายน 2557

คลังประเดิมออกพันธบัตรออมทรัพย์ 3.8 หมื่นล้านบาทปลายปีนี้

คลังประเดิมออกพันธบัตรออมทรัพย์ 3.8 หมื่นล้านบาทปลายปีนี้

นายสุวิชญ โรจนวานิช ที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า สบน.ได้ประชุมหารือกับหน่วยงาน เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสถาบันการเงินต่างๆ ถึงแผนการระดมทุนของรัฐบาลในปีงบประมาณ 2558 ที่ต้องการกู้เงินจากตลาดการเงินถึง 7.05 แสนล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นเงินกู้ใหม่ 3.15 แสนล้านบาท และเป็นการกู้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้เดิม 3.9 แสนล้านบาท

สำหรับแผนการกู้เงินใหม่จะมีการ ออกเป็นพันธบัตรออมทรัพย์ขายให้กับประชาชนรายย่อยประมาณ 10% ของแผนการบริหารหนี้สาธารณะทั้งหมด หรือประมาณ 1 แสนล้านบาท โดยจะใช้วิธีการทยอยออกพันธบัตร ล็อตแรกคาดว่าจะออกวงเงินประมาณ 3.8 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นพันธบัตรออมทรัพย์ทั่วไปอายุ 3 ปี จำนวน 2 ครั้ง วงเงินครั้งละ 4,000 ล้านบาท

หลังจากนั้นอาจจะออกเป็นพันธบัตรออมทรัพย์รุ่นพิเศษ อายุ 5 ปี จำนวน 1 ครั้ง มีระยะเวลาจำหน่าย 2 ปี วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะขายภายในช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค. 2257 โดยผลตอบแทนจะสูงกว่าการออมช่องทางอื่น เพราะกระทรวงการคลังให้ผลตอบแทนที่ชดเชยภาษีดอกเบี้ยถึง 15% ให้กับผู้ที่ซื้อพันธบัตรออมทรัพย์

นอกจากนี้ การกู้ใหม่ของรัฐมีส่วนหนึ่งวงเงิน 5.9 หมื่นล้านบาท จะใช้ลงทุน โครงสร้างพื้นฐาน ทั้งรถไฟฟ้าใต้ดินและรถไฟทางคู่ ซึ่งจะเป็นการกู้เงินจากสถาบันการเงิน เพราะเบิกเงินได้ตามความต้องการใช้เงินจริง ดีกว่าการออกพันธบัตรรัฐบาลกู้เงิน เพราะต้องกู้ทีเดียวทั้งก้อน ทำให้ต้องนำเงินมากองรอไว้เสียอัตราดอกเบี้ย

นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง กล่าวว่า คลังไม่มีนโยบายออกพันธบัตรกู้เงินอายุ 100 ปี เพราะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากอายุยาวไป ไม่มีอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง และไม่เป็นที่สนใจลงทุนของนักลงทุน เพราะอายุพันธบัตรที่ยาวเกินไปไม่มีใครนิยมซื้อ

น.ส.อริยา ติรณะประกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสมาคมตราสารหนี้ไทย กล่าวว่า การออกพันธบัตรดังกล่าวไม่น่าจะทำให้อัตราดอกเบี้ยผลตอบแทนพันธบัตรในตลาดลดลง เนื่องจากความต้องการถือลงทุนของนักลงทุนในประเทศยังมีอยู่สูงกว่าปริมาณพันธบัตรที่ออกขายในตลาด และวงเงินที่ออกขายพันธบัตรออมทรัพย์ไม่สูงมาก และเจาะจงขายประชาชนรายย่อยที่นักลงทุนสถาบันซื้อไม่ได้อยู่แล้ว จึงไม่มีผลต่ออัตราผลตอบแทนในตลาด

"ปกติโดยทั่วไปพันธบัตรออมทรัพย์ที่เจาะจงขายรายย่อย จะได้ดอกเบี้ยผลตอบแทนสูงกว่าตลาดพันธบัตรทั่วไปที่นักลงทุนสถาบันลงทุนได้ เพราะพันธบัตรออมทรัพย์ส่วนใหญ่รัฐบาลจะเน้นไปที่การส่งเสริมการออม และให้อัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าปกติ เพื่อชดเชยภาระภาษี 15% ที่รายย่อยต้องจ่ายเข้าไปด้วย โดยเฉลี่ยพันธบัตรออมทรัพย์จะให้ดอกเบี้ยสูงกว่าตลาดอยู่ประมาณ 1%" น.ส.อริยา กล่าว

น.ส.อริยา กล่าวว่า ล่าสุดที่เห็นการออกขายพันธบัตรรัฐบาลที่ผ่านมา เมื่อไม่นานมานี้ ที่มีการออกพันธบัตร ออมทรัพย์อายุ 7 ปี ให้ดอกเบี้ย 4.25% และอายุ 10 ปี ให้ดอกเบี้ย 4.75% ในวงเงินประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออัตราดอกเบี้ยผลตอบแทนในตลาดแต่อย่างไรเช่นกัน เพราะปัจจุบันปริมาณพันธบัตรที่ออกขายในตลาดมีน้อยกว่าความต้องการของนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันที่ต้องการลงทุนในวงเงินที่สูง ทำให้ขณะนี้จะเห็นว่านักลงทุนได้หันไปลงทุนในหุ้นกู้ภาคเอกชนที่มีความเสี่ยงที่สูงขึ้น แต่ให้ผลตอบแทนสูง 6-7% มากขึ้น โดยคำนึงถึงการจัดอันดับความน่าเชื่อถือน้อยลง

ทั้งนี้ ปัจจุบันพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี มีอัตราดอกเบี้ยผลตอบแทนอยู่ที่ 3.58% อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยผลตอบแทนอยู่ที่ 3.05% และอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยผลตอบแทนอยู่ที่ 2.66%

ข่าวล่าสุด

3 ชาติผนึกกำลังทลาย 'KK Park - ชเวก๊กโก' รังใหญ่ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์"