เปลี่ยนคู่ชกสังเวียนสุวรรณภูมิ กสิกรไทย VS ไทยพาณิชย์
7 ปี นับตั้งแต่เปิดใช้สนามบินนานาชาติแห่งที่ 2 ของประเทศไทยคือสนามบินสุวรรณภูมิ มีธนาคารเพียง 2 แห่ง ที่ได้รับการคัดเลือกจาก คิงเพาเวอร์ ผู้บริหารพื้นที่สนามบิน ให้เข้าไปตั้งบูธแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และติดตั้งตู้เอทีเอ็มในส่วนที่เป็นเทอร์มินัลหลัก คือ ธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารทหารไทยเท่านั้น ด้วยเหตุผลหลักคือ ธนาคารทั้งสองแห่งเป็นเจ้าหนี้คนสำคัญของ คิงเพาเวอร์
7 ปี นับตั้งแต่เปิดใช้สนามบินนานาชาติแห่งที่ 2 ของประเทศไทยคือสนามบินสุวรรณภูมิ มีธนาคารเพียง 2 แห่ง ที่ได้รับการคัดเลือกจาก คิงเพาเวอร์ ผู้บริหารพื้นที่สนามบิน ให้เข้าไปตั้งบูธแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และติดตั้งตู้เอทีเอ็มในส่วนที่เป็นเทอร์มินัลหลัก คือ ธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารทหารไทยเท่านั้น ด้วยเหตุผลหลักคือ ธนาคารทั้งสองแห่งเป็นเจ้าหนี้คนสำคัญของ คิงเพาเวอร์
ธนาคารไทยพาณิชย์มี 4 สาขาย่อย ภายในอาคาร และอีก 1 สาขาอยู่บริเวณที่ทำการของการบินไทย มีตู้เอทีเอ็ม 11 เครื่อง และบูธซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยน 19 บูธ ส่วนธนาคารทหารไทย มี 2 สาขาย่อยในอาคาร และมีบูธอัตราแลกเปลี่ยนน้อยกว่าไทยพาณิชย์พอสมควร
แต่หลังจากเที่ยงคืนวันที่ 27 ก.ย.นี้เป็นต้นไป ทั้งสาขาตู้เอทีเอ็มและบูธแลกเปลี่ยนเงินของธนาคารทหารไทย จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวสดของธนาคารกสิกรไทยทันที เพราะสัญญาที่ธนาคารทหารไทยเซ็นไว้กับคิงเพาเวอร์หมดอายุลงในช่วงเวลาดังกล่าว
สมรภูมิรบทางการเงินของสนามบินสุวรรณภูมิ สำหรับธนาคารพาณิชย์นั้น ไม่ใช่สนามแข่งขันที่จะเจาะเข้าไปได้ง่ายๆ การเสียทำเลทองในการทำธุรกิจสำหรับธนาคารทหารไทย ถือเป็นการเสียโอกาสหรือไม่ บุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า ธนาคารได้เปลี่ยนแปลงนโยบายไปเน้นการเป็นทรานเซ็กชั่นแบงก์กิ้ง ไม่ได้เน้นการสร้างกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือเน้นการสร้างแบรนด์ จึงไม่ต่อสัญญากับคิงเพาเวอร์ ซึ่งทางคิงเพาเวอร์ให้เกียรติสอบถามธนาคารก่อนในฐานะพันธมิตรดั้งเดิม เมื่อธนาคารปฏิเสธ ก็เป็นการเปิดทางให้ธนาคารอื่นได้เข้ามา
“เราเน้นทำธุรกิจสาขาที่สามารถขายผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องได้ การไม่ต่อสัญญาไม่ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ของธนาคารแต่อย่างใด” ซีอีโอของธนาคารทหารไทย กล่าว
หลังจากธนาคารทหารไทยไม่ต่อสัญญาแล้ว ก็มีหลายธนาคารลงแรงวิ่งไปเจรจาเพื่อขอทำเลนั้นทำธุรกิจต่อไป แต่ธนาคารกสิกรไทยมาคว้าดีลตัดหน้าคู่แข่งไปอย่างสบาย งานนี้คงไม่เกี่ยวกับกสิกรคอนเนกชั่น แต่เป็นเพราะธนาคารกสิกรไทยได้ปล่อยกู้เป็นเงินทุนหมุนเวียนให้คิงเพาเวอร์อย่างสม่ำเสมอ จึงนับว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันแต่ก็ยังน้อยกว่าธนาคารไทยพาณิชย์ที่ปล่อยกู้ให้มานมนานเพื่อนำเงินไปจ่ายค่าสัมปทานที่จะต้องจ่ายให้กับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.)
สำหรับธนาคารกสิกรไทย ปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า นี่เป็นการเปิดช่องทางใหม่สำหรับธนาคาร และได้มีการสร้างแบรนด์ของธนาคารให้ติดตานักท่องเที่ยว และผู้ที่เดินทางสัญจรไปมาด้วย
นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทยได้เปิดธนาคารท้องถิ่นในจีนแล้ว เมื่อนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาก็จะเห็นโลโก้เคแบงก์ ที่เป็นลายพู่กันจีน เหมือนกับได้เจอเพื่อนเจอคนที่รู้จัก นอกจากนี้ทั้งบูธแลกเงินและเอทีเอ็ม รวมทั้งสาขาย่อยที่สนามบินเป็นพื้นที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมง การจ่ายเงินเพื่อปิดดีลนี้เท่าไหร่ ธนาคารไม่ขอเปิดเผย แต่ยืนยันว่าคุ้มค่า
จากการประเมินตัวเลขการรับแลกเปลี่ยนเงินตราที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อรวมกับธุรกิจรับแลกเปลี่ยนเงินตราของธนาคาร จะมีสัดส่วนดังนี้ มาจากสนามบินสุวรรณภูมิ 30% สาขาของธนาคาร 30% บูธแลกเปลี่ยนเงินตรา 30% และที่เหลือมาจากช่องทางอื่นๆ
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การที่ธนาคาร ทหารไทยไม่ต่อสัญญาการให้บริการบูธรับแลกเปลี่ยนเงินตรา ที่สนามบินสุวรรณภูมิกับคิงเพาเวอร์ เนื่องจากการให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราจะได้ลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยว ไม่สามารถขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ต่อเนื่องได้ ซึ่งการยกเลิกบูธแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่สนามบินสุวรรณภูมิ เท่าที่ดูตัวเลขแล้วไม่ส่งผลกระทบต่อธนาคาร ส่วนบูธรับแลกเปลี่ยนเงินที่สนามบินอื่นๆ เช่น ภูเก็ต ดอนเมือง ยังเปิดให้บริการปกติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่เปิดให้บริการสนามบินสุวรรณภูมิ ธนาคารพาณิชย์ในประเทศทุกแห่งต้องการเข้าไปเปิดบูธแลกเปลี่ยนเงินตรา แต่คิงเพาเวอร์ผู้บริหารพื้นที่ตัดสินใจให้ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารทหารไทย ได้รับสิทธิ์ในการเปิดให้บริการบูธแลกเปลี่ยน เนื่องจากธนาคารทั้ง 2 แห่ง เป็นเจ้าหนี้ที่ปล่อยกู้ให้กับคิงเพาเวอร์.
ดร.สุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด(มหาชน) กล่าวถึงกรณีที่สัญญาระหว่างบริษัท คิงเพาเวอร์ และทอท.ที่เป็นโมฆะว่า ในส่วนของธนาคารมองว่า การปล่อยกู้ให้ธุรกิจที่เกี่ยวโยงกับรัฐบาลจะมีความเสี่ยงมากขึ้น อย่างไรก็ตามในส่วนของการเช่าพื้นที่นั้น ธนาคารคงต้องเข้าไปดูว่าทางคิงเพาเวอร์จะชดเชยอย่างไร เพราะจากการยกเลิกสัมปทาน เชื่อว่าทางคิงเพาเวอร์ก็คงได้รับค่าชดเชยมาบ้าง ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารได้จ่ายค่าเช่าที่ผ่านไปแล้ว ทั้งแบบเป็นล็อตและแบบจ่ายรายเดือน และถือว่ารายได้ที่เข้ามาเป็นระดับที่น่าพอใจ
ความเสี่ยงที่มีมากขึ้น อาจทำให้พิจารณาการให้สินเชื่อกับบริษัทเอกชนที่ทำสัญญากับองค์กรของรัฐมีมากขึ้น ทำให้ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งต้องมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อกับภาคเอกชนที่ทำสัญญากับภาครัฐมากขึ้น ส่วนการทำธุรกรรมของธนาคารในสนามบินสุวรรณภูมิที่มีการเช่าพื้นที่จากบริษัทคิงเพาเวอร์ เช่น การตั้งบูธแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นต้น ขณะนี้ยังคงทำธุรกรรมได้ตามปกติ เพราะบริษัทยังดำเนินกิจการอยู่ ซึ่งที่ผ่านมาบูธแลกเปลี่ยนเงินถือว่าสร้างรายได้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ
ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า กรณีสัมปทานมือถือนั้น ทางการยังไม่มีการยกเลิกสัมปทาน ผู้ประกอบการทั้ง 3 รายยังคงให้บริการได้อยู่ และยังไม่มีกระบวนการใดที่ทำให้สัญญาเป็นโมฆะ เนื่องจากยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ต้องมีการสอบสวนหาข้อเท็จจริง ซึ่งธนาคารเองมีความสัมพันธ์อันดีกับผู้ประกอบการทั้ง 3 ราย ทั้ง เอไอเอส ดีเทค และทรูมูฟ ดังนั้นยังไม่มีเหตุที่จะต้องตกใจหรือมีความเสียหายเกิดขึ้น
สำหรับกรณีของไอทีวี ธนาคารคงต้องดำเนินการฟ้องร้องให้ชำระหนี้คืนหลังจากที่โดนยกเลิกสัญญา และธนาคารต้องเสียค้ำประกันสัญญาสัมปทานให้กับสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) จำนวน 25 ล้านบาท ไม่รวมถึงมูลหนี้ที่มีกับธนาคารประมาณ 200 ล้านบาท อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาถือว่าไอทีวีสามารถปรับปรุงฐานะการเงินขึ้นมาได้ดีกว่าช่วง 34 ปีที่ผ่านมาแล้ว ส่วนกรณีของบริษัทคิงเพาเวอร์นั้น หากมีการยกเลิกสัญญาจริง ผู้ที่ได้รับผลกระทบคือ ทอท.เนื่องจากจะต้องเป็นผู้ชำระหนี้ให้กับธนาคารแทนบริษัทคิงเพาเวอร์
ทั้งนี้เนื่องจากเงินกู้ที่ธนาคารให้กับบริษัทคิงเพาเวอร์นั้น ส่วนใหญ่เป็นเงินกู้สำหรับชำระค่าสัมปทานให้กับ ทอท. อีกส่วนเป็นค่าตกแต่งสถานที่จำนวนไม่มากนัก ซึ่งการที่สัญญาสัมปานเป็นโมฆะเท่ากับว่าไม่มีธุรกรรมเกิดขึ้น ดังนั้น ทอท.จะต้องชำระค่าสัมปทานคืนให้คิงเพาเวอร์ผ่านธนาคารในที่สุด จึงเชื่อว่าจะไม่ทำให้เกิดความเสียหายกับธนาคารมากนัก ในส่วนของค่าตกแต่งสถานที่นั้น ถือเป็นเม็ดเงินส่วนน้อยและทางคิงเพาเวอร์มีกระแสเงินสดเพียงพอที่จะชำระหนี้ส่วนนี้ได้
แม้การจัดสรรพื้นที่ให้ตั้งสาขาบูธแลกเงินและตู้เอทีเอ็มในสนามบินสุวรรณภูมิ จะเกมกันไปแล้ว
แต่ผลกระทบจากการนี้ ยังมีมุมเล็กๆ ที่น่ารู้อีกหลายประการ โดยเฉพาะทำให้เกิดการลอยแพพนักงานแบงก์ร้อยกว่าคน สำหรับพนักงานธนาคารอื่นที่ไม่ใช่ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารทหารไทย ที่คิง เพาเวอร์ ได้ยกพื้นที่ไปให้ทำธุรกรรมการเงินทั้งหมดในอาคารผู้โดยสารเข้าออกในสนามบินใหม่
ฉบับที่แล้วต้นกล้าเคยนำเรื่อง การจัดสรรพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิในส่วนที่เป็น เทอร์มินอลหลัก ที่จะเปิดวันที่ 28 กันยายนนี้ ของ “บริษัท คิงส์พาวเวอร์” ของ “อาเฮียวิชัย รักศรีอักษร” ที่ได้รับสัมปทานการจัดสรรขายพื้นที่ทั้งหมดจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย ว่า มีการล็อกพื้นที่เฉพาะให้กับธนาคารที่เป็นพันธมิตร ในการเปิดบูธรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ขณะที่ธนาคารอื่นๆ ได้แต่มองหน้ากันปริบๆ
เพราะล็อกพื้นที่ทำเงินให้กับพันธมิตรที่เป็นผู้ปล่อยกู้หลักแก่บริษัท คิงส์พาวเวอร์ 2 ราย คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ กับ ธนาคารทหารไทย โดยขาดการเปิดประมูลพื้นที่อย่างเปิดเผย ทั้ง 2 แบงก์นั้นปล่อยกู้ให้คิงส์พาวเวอร์หลายร้อยล้านบาท จึงให้พื้นที่เทอร์มินอลขาเข้า ขาออก ไป
แบงก์ไทยพาณิชย์ทหารไทยครองพื้นที่อาคารผู้โดยสารสุวรรณภูมิ เปิดสาขาย่อย เอทีเอ็มและบูธแลกเปลี่ยน รับไม่หวังสร้างกำไรแต่สร้างภาพลักษณ์ให้ธนาคาร มั่นใจปริมาณธุรกรรมสูงกว่าดอนเมือง ด้านแบงก์กรุงศรีรับเสียดายพื้นที่ แต่เปิดนอกอาคารได้ 4 สาขา
นายประเวศ สุทธิรัตน์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ เครือข่ายสาขา กรุงเทพฯ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ธนาคารได้พื้นที่สำหรับการเปิดสาขาในอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ โดยธนาคารจะเปิดสาขาย่อยประมาณ 5 สาขา โดยจะเริ่มเปิดสาขาแรกในวันที่ 1 กันยายนนี้ ส่วนอีก 4 สาขาจะทยอยเปิด ในส่วนของพื้นที่ด้านนอกอาคารผู้โดยสารธนาคารจะเปิดอีก 1 สาขา ที่อาคารทำการของบริษัทการบินไทย
ขณะเดียวกันได้มีการติดตั้งตู้เอทีเอ็มทั้งหมด 11 เครื่อง และบูธซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนอีกจำนวนทั้งสิ้น 19 บูธ โดยคาดว่าจะมีธนาคารพาณิชย์เพียง 2 แห่งเท่านั้น ที่ได้เข้าไปเปิดสาขาในพื้นที่อาคารโดยสารคือธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารทหารไทย เนื่องจากทางบริษัท ท่าอากาศยานไทย(ทอท.) ไม่ต้องการให้มีธนาคารพาณิชย์เปิดสาขาในอาคารมากนัก
อย่างไรก็ตาม ในอนาคต ทอท.ก็อาจจะเปิดโอกาสให้ธนาคารอื่นเข้ามาเปิดสาขาเพิ่มได้ โดยธนาคารได้รับจัดสรรพื้นที่ในการเปิดสาขาประมาณ 40 ตารางเมตรต่อสาขา และใช้พนักงานต่อสาขาประมาณ 5 คน
นายประเวศ กล่าวว่ากลุ่มเป้าหมายของธนาคารเป็นพนักงานของสุวรรณภูมิ และบริษัทการบินไทย


