posttoday

การ์เด้นทอยเมื่อธุรกิจของเล่นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ

14 สิงหาคม 2557

ขณะที่หลายคนอาจนึกถึง “ของเล่น” ในฐานะสิ่งของให้ความสนุกสนานเพลิดเพลินสำหรับเด็กๆ

โดย...ก้องภพ เทอดสุวรรณ

ขณะที่หลายคนอาจนึกถึง “ของเล่น” ในฐานะสิ่งของให้ความสนุกสนานเพลิดเพลินสำหรับเด็กๆ แต่สำหรับสามพี่น้องตระกูลโจ จากมาเลเซีย กลับมองของเล่นเป็นโอกาสทองสำหรับการทำธุรกิจเลยทีเดียว โดยทั้งสามได้ตัดสินใจเสี่ยงลงทุนเปิดธุรกิจร้านขายของเล่น ที่ถึงแม้ในปัจจุบันเด็กๆ มักนิยมเล่นเกมคอมพิวเตอร์มากกว่าก็ตาม

สามพี่น้องตระกูลโจ เดวิด สตีเฟน และแอลวิน คือผู้ประสบความสำเร็จจากการทำธุรกิจขายของเล่น โดยเป็นเจ้าของร้านขายของเล่นถึง 2 สาขาในมาเลเซีย ได้แก่ ร้านทอยวิซาร์ด ในเมืองเปทาลลิง จายา และ ร้านทอยการ์เด้น ในกรุงกัวลาลัมเปอร์

ธุรกิจของทั้งสามเริ่มต้นขึ้นเมื่อ แอลวิน น้องคนเล็กของตระกูลผู้ได้ไอเดียการทำร้านค้าปลีกสินค้าฟุ่มเฟือยระหว่างที่ไปเรียนต่อที่สหรัฐ ได้ชักชวนให้ เดวิด พี่ชายคนโตทิ้งตำแหน่งวิศวกรไอที เพื่อเปิดโอกาสให้ตนเองในการทำธุรกิจใหม่ ซึ่งพี่ชายก็ตอบตกลงโดยทันที โดยมีเงินทุนเริ่มต้นเพียงราว 1 แสนริงกิต (ราว 1 ล้านบาท)

“ในความเป็นจริงความต้องการสินค้าประเภทของเล่นในมาเลเซียมีสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งของเล่นซึ่งมีที่มาจากภาพยนตร์ นับว่าสามารถขายได้ในราคาสูงมาก” แอลวิน กล่าว

ทั้งสองเริ่มเปิดร้านของเล่น โดยใช้ชื่อว่า ทอยวิซาร์ด เป็นครั้งแรกที่ชั้น 3 ของห้างสรรพสินค้า แอมคอร์ป มอลล์ ในเมืองเปทาลลิง จายา โดยเริ่มจากการขายของเล่นที่เป็นของที่ระลึกจากจากภาพยนตร์ยอดฮิตอมตะอย่างสตาร์ วอร์ส และทรานส์ฟอร์เมอร์ส

ปรากฏว่าแนวทางการทำธุรกิจดังกล่าวดำเนินไปได้อย่างดีเยี่ยมตามที่แอลวินคาดการณ์ไว้ และสามารถทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำจากบรรดานักสะสมซึ่งส่วนใหญ่มักค่อนข้างมีฐานะที่พร้อมจะยอมจ่ายไม่ว่าสินค้าจะราคาแพงขนาดไหนก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งของเล่นประเภท “ลิมิเต็ด เอดิชั่น” ซึ่งไม่สามารถหาซื้อได้ปกติตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป ของเล่นราคาแพงที่สุดในร้านที่ลูกค้ายอมซื้อไปมีราคาสูงถึง 8,000 ริงกิต (ราว 8 หมื่นบาท)

การมีฐานลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นเศรษฐีเงินถังซึ่งพร้อมที่จะยอมจ่าย ทำให้ธุรกิจแห่งนี้สามารถอยู่รอดผ่านช่วงวิกฤตเศรษฐกิจมาได้ แม้ว่าสินค้าในร้านจะถือเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยรูปแบบหนึ่งก็ตาม ทั้งนี้สินค้าฟุ่มเฟือยมักเป็นสินค้าที่อ่อนไหวต่อสภาพเศรษฐกิจสูง เนื่องจากมักเป็นสินค้าชนิดแรกๆ ที่ลูกค้าจะพิจารณาไม่ซื้อ หากเกิดสภาพเศรษฐกิจตกต่ำ

หลังจากนั้นไม่นาน สตีเฟน พี่คนรองซึ่งเคยทำงานเป็นผู้บริหารด้านการตลาด ก็โดดลงมาร่วมวงทำธุรกิจด้วย และได้ใช้ประสบการณ์ทำงานมาปรับกลยุทธ์ให้กับธุรกิจแห่งนี้ นับเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของสามพี่น้องได้อย่างมาก

เมื่อธุรกิจของทั้งสามหนุ่มดำเนินไปได้ด้วยดี จึงมีการเร่งขยายกิจการแห่งที่สองคือ ทอยการ์เด้น ที่เมืองหลวงกัวลาลัมเปอร์ โดยปัจจุบันธุรกิจแห่งนี้สามารถทำกำไรได้ถึง 1.5 ล้านริงกิต/ปี เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังขยายธุรกิจจากรูปแบบร้านค้าปลีกอย่างเดียว เป็นเจ้าของคลังสินค้าผู้ค้าส่งอีกด้วย

เมื่อถามถึงแผนการในอนาคต เดวิด พี่คนโตของตระกูล เปิดเผยว่า ขั้นตอนต่อไปคือการเปิดคาเฟ่ของเล่น ซึ่งจะเป็นแหล่งนัดพบและแลกเปลี่ยนระหว่างผู้สะสมของเล่น

“ผมเคยฝันว่าจะทำร้านอาหารซึ่งเป็นแหล่งนัดพบสำหรับผู้ที่ชื่นชอบของเล่น มันต้องเยี่ยมแน่ๆ” เดวิด กล่าว

ข่าวล่าสุด

ชี้จุด วิ่งฟรี มอเตอร์เวย์ M6 บางปะอิน - นครราชสีมา ต้องไปจุดไหน?