คอมมูนิตี้มอลล์แข่งคอนเซ็ปต์สร้างไลฟ์สไตน์กินเที่ยวช็อป

โดย...รัชนีย์ ศรีวัฒนชัย

จากไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่มีความหลากหลาย ทั้งชอบกินอาหาร ท่องเที่ยว ช็อปปิ้ง ส่งผลให้คอมมูนิตี้มอลล์ ในช่วง 3 ปีนับจากนี้จะผุดขึ้นอีกหลายโครงการ ในคอนเซ็ปต์ที่ลงลึกถึงเฉพาะกลุ่ม เจาะนักศึกษา ชุมชนคนเมือง ย่านค้าส่ง และริมแม่น้ำเจ้าพระยา

ชาญชัย พันธุ์โสภา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ ผู้บริหารคอมมูนิตี้มอลล์รายใหญ่ เปิดเผยว่า ค้าปลีกเซ็กเมนต์คอมมูนิตี้มอลล์ยังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากความหนาแน่นของประชากรไทยที่อาศัยอยู่ราว 2025 คน/5 ตร.ม.เท่านั้น เมื่อเทียบกับญี่ปุ่นที่มีความหนาแน่นประชากร 1 คน/5 ตร.ม. ดังนั้นยังสามารถนำที่ดินมาพัฒนาโครงการค้าปลีกได้อีกมาก

นอกจากนี้ ยังมีคอมมูนิตี้มอลล์เกิดใหม่ในทำเลที่มีศักยภาพ อาทิ มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล หรือกระทั่งริมน้ำ ซึ่งกุญแจแห่งความสำเร็จการพัฒนาคอมมูนิตี้มอลล์นั้น แน่นอนว่าต้องสนองไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยในย่านดังกล่าว และสิ่งสำคัญ คือ ทำเลหรือโลเกชั่นบวกกับการบริหารศูนย์ที่ดี

ด้านกลุ่มแกรนด์ ยูนิแลนด์ ผู้เล่นรายใหม่ที่เข้ามาพัฒนาคอมมูนิตี้มอลล์ นำโดย สุวรรณ เลิศปัญญาโรจน์ ประธานกรรมการ กล่าวว่า กลยุทธ์การพัฒนาคอมมูนิตี้มอลล์ของบริษัท จะมุ่งสร้างโครงการใจกลางเมืองย่านไพรม์ไทม์ ซึ่งสวนทางกับรายอื่นๆ ที่พัฒนาบริเวณชานเมือง โดยบริษัทจะโฟกัสกลุ่มเป้าหมายชัดเจน สังเกตได้จากการเลือกบุกย่านค้าส่ง และมหาวิทยาลัย

ก่อนหน้านี้ ได้เปิดตัวโครงการค้าส่ง วัน แอด โบ๊เบ๊ เมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา และกำลังอยู่ระหว่างเจรจาเช่าที่ดิน พัฒนาโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ รูปแบบค้าส่ง ซึ่งล่าสุดได้เปิดคอมมูนิตี้มอลล์ในรั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใช้งบลงทุน 700 ล้านบาท เปิดตัวแอมพาร์ค จุฬา พื้นที่ 2 หมื่น ตร.ม. เจาะนักศึกษา นั่นคือเป้าหมายแจ้งเกิดธุรกิจค้าปลีก 5 ปี ดันรายได้สัดส่วน 50% อสังหาริมทรัพย์ 30% และโรงแรม 20%

ตามด้วยค้าปลีกบริเวณปิ่นเกล้า ที่แม้ว่าจะมีห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และโรงหนังเมเจอร์ เป็นศูนย์รวมความบันเทิง แต่ด้วยปริมาณคอนโดมิเนียมที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก การเปิดโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ เดอะ เซ้นส์ ปิ่นเกล้า ที่ทุ่มงบ 1,000 ล้านบาท จึงวางตำแหน่งเป็นคอมมูนิตี้มอลล์รวบรวมร้านอาหารและแหล่งช็อปปิ้งนิชมาร์เก็ต เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบีเอขึ้นไป ภายในเน้นร้านอาหารและเครื่องดื่ม สัดส่วนถึง 60%

ดังนั้น แม่เหล็กสำหรับการดึงดูดลูกค้าเข้ามาใช้บริการ ต้องดึงร้านอาหารเด็ดๆ ที่เซ็นทรัลไม่มี อาทิ ร้านแหลมเจริญ ซีฟู้ดส์ ร้านคิงคอง รวมทั้งการพัฒนาร้านอาหารกึ่งผับ บาร์ ให้เป็นสถานที่แฮงเอาต์สำหรับคนรุ่นใหม่อีก 40% เป็นร้านค้าช็อปปิ้งบนพื้นที่รวม 3 หมื่น ตร.ม.

นอกจากนี้ ค้าปลีกเกิดใหม่ที่เป็นแหล่งช็อปปิ้ง กิน ชมวิว ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งผู้ประกอบการสามารถสร้างยอดขายทั้งค้าปลีกและสร้างมูลค่าด้วยการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวทางน้ำ กำลังเป็นค้าปลีกที่มาแรง หลังจากมีเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟรอนท์ ของกลุ่มทีซีซีแลนด์ เป็นค้าปลีกต้นแบบริมน้ำที่ประสบความสำเร็จ ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายต่างพาเหรดปัดฝุ่นที่ดิน สร้างทั้งศูนย์การค้า และการพัฒนาคอมมูนิตี้มอลล์ อาทิ กลุ่มเดอะมอลล์ ตลาดยอดพิมาน และท่ามหาราช

เฉลียว ปรีกราน ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท ตลาดยอดพิมาน ผู้ดำเนินธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์ยอดพิมาน ริเวอร์วอล์ก กล่าวว่า กลยุทธ์ทำตลาดโครงการยอดพิมาน ริเวอร์วอล์ก จะผสมผสานระหว่างการเป็นค้าปลีกและเชื่อมโยงการท่องเที่ยวทางแม่น้ำเจ้าพระยา โดยทุ่มงบ 30 ล้านบาท ซื้อเรือและสร้างจุดขายตุ๊กตุ๊กโบต 30 ลำ ให้บริการนักท่องเที่ยวพร้อมกับจับมือผู้ประกอบการทางเรือ รวมทั้งเชื่อมโยงตลาดสด ผลไม้ และดอกไม้ปากคลองตลาดที่กำลังพัฒนาให้ทันสมัยยิ่งขึ้น

งบลงทุน 600 ล้านบาท จะแบ่งการพัฒนาโครงการ 2 ส่วน คือ การพัฒนาตลาดปากคลอง และตลาดยอดพิมาน มีเนื้อที่รวมมากกว่า 15 ไร่ มีระเบียงทางเดินริมน้ำที่ยาวที่สุดบนเกาะกรุงรัตนโกสินทร์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ไทย เฮอริเทจ มอลล์ หวังจะจับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติสัดส่วนถึง 40% และอีก 60% เป็นชาวไทย คาดว่าจะคุ้มทุนอีก 5 ปี

ในส่วนคอมมูนิตี้มอลล์ท่ามหาราช สุภาพรรณ พิชัยรณรงค์สงคราม ประธานบริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา กล่าวว่า ได้ต่อยอดการถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน 2 ท่าสู่การพัฒนาธุรกิจค้าปลีก ด้วยงบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท พัฒนาที่ดินท่าวังหลังพื้นที่ 100 ตร.ว. เป็นตลาดนัดชุมชนทันสมัย เริ่มสร้างไตรมาส 4 ปี 2558 คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2559 และลงทุน 300 ล้านบาท สร้างคอมมูนิตี้มอลล์ พื้นที่ 3 ไร่ ที่ท่ามหาราช เปิดให้บริการเดือน พ.ย.-ธ.ค.ปีนี้

ส่วนขาธุรกิจด้านการท่องเที่ยว บริษัทจะทำจริงจังยิ่งขึ้นกว่าที่ผ่านมา โดยลงทุน 70 ล้านบาท สั่งซื้อเรือสำราญขนาดใหญ่ 1 ลำ วางคอนเซ็ปต์เป็นเรือที่มีเอกลักษณ์สะท้อนถึงความเป็นไทย เพื่อต่อยอดจากธุรกิจท่องเที่ยวทางเรือที่มีอยู่แล้ว อาทิ เรือท่องเที่ยวเจ้าพระยา เรือด่วนเจ้าพระยา

นับจากนี้ การแข่งขันคอมมูนิตี้มอลล์จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ทั้งใจกลางเมือง ริมน้ำ และชานเมือง ผู้ประกอบการต่างงัดคอนเซ็ปต์ใหม่ๆ ออกมา พร้อมกับดึงร้านค้าที่คู่แข่งไม่มีเข้ามาเปิด สร้างเป็นสถานที่กิน ช็อปปิ้ง เที่ยว ตอบสนองไลฟ์สไตล์กลุ่มเป้าหมายนิชมาร์เก็ต เพื่อสร้างความต่าง และต้องแข่งขันกับห้างสรรพสินค้าที่เริ่มขยายตัวมาสู่ชานเมืองมากขึ้นด้วย