ลดค่าเช่านา
ค่าเช่าที่นา เป็นต้นทุนอย่างหนึ่งสำหรับชาวนาไทยจำนวนมาก ที่ไม่มีที่ทำกินของตัวเอง ซึ่งหลังจากมีหลายฝ่ายเสนอแนวคิดลดต้นทุนการทำนามาแล้ว ชาวนา จ.สุพรรณบุรี ก็เตรียมยื่นหนังสือต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อขอให้กำหนดค่าเช่านาในอัตรา 10% ของราคาข้าวในแต่ละฤดูกาล เพื่อลดภาระค่าเช่านา
ค่าเช่าที่นา เป็นต้นทุนอย่างหนึ่งสำหรับชาวนาไทยจำนวนมาก ที่ไม่มีที่ทำกินของตัวเอง ซึ่งหลังจากมีหลายฝ่ายเสนอแนวคิดลดต้นทุนการทำนามาแล้ว ชาวนา จ.สุพรรณบุรี ก็เตรียมยื่นหนังสือต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อขอให้กำหนดค่าเช่านาในอัตรา 10% ของราคาข้าวในแต่ละฤดูกาล เพื่อลดภาระค่าเช่านา
พรม บุญมาช่วย ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ได้ทำเรื่องเพื่อเสนอให้ คสช.พิจารณาช่วยชาวนา โดยต้องการให้ปรับเกณฑ์ค่าเช่านาในแต่ละพื้นที่ให้เท่ากัน ไม่เกิดความเหลื่อมล้ำอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งราคาเช่านามีหลายรูปแบบ อาทิ ค่าเช่าแล้วแต่ตกลงกันระหว่างชาวนาและเจ้าของพื้นที่ ค่าเช่าต่อ 1 ฤดูกาลเพาะปลูก และราคาเช่าต่อปี
“อยากให้ คสช.ประกาศกำหนดค่าเช่านาให้เท่ากันทั่วประเทศ คือคิดเป็น 10% ของราคาข้าวในแต่ละฤดูกาล เช่น ข้าวราคา 1 หมื่นบาท เก็บค่าเช่า 1,000 บาท ข้าวราคา 7,000 บาท ค่าเช่า 700 บาท ราคาค่าเช่าผันผวนตามราคาข้าวแต่ละฤดูกาล ซึ่งจะสามารถตรวจสอบได้ทั้งผู้เช่าและผู้ให้เช่า” พรม ระบุ
ทั้งนี้ สำหรับชาวนา ค่าเช่านาถือเป็นเรื่องใหญ่เป็นความอยู่รอดของชาวนาที่จะสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ในอนาคต และถ้าทำได้เช่นนี้ ชาวนาทั่วประเทศก็จะไม่เครียดเรื่องค่าเช่าที่ดิน
พรม กล่าวต่อว่า เชื่อว่าปัจจุบัน จ.สุพรรณบุรี มีค่าเช่านาแพงที่สุดในประเทศไทย หรือสูงถึงไร่ละ 4,000 บาท/ปี ซึ่งสร้างความเดือดร้อนอย่างมากแก่ชาวนามานาน แต่ชาวนาก็ไม่มีทางเลือกอื่น เนื่องจากไม่มีที่ทำกินเป็นของตัวเอง และส่วนใหญ่ก็ยังไม่ยอมเลิกเช่าที่ดิน เพราะไม่รู้ว่าจะไปประกอบอาชีพอะไร
อย่างไรก็ตาม เสมียน หงษ์โต ประธานเครือข่ายชาวนาภาคกลาง กล่าวว่า ตอนนี้ชาวนาในพื้นที่ อ.บางปลาม้า อ.สองพี่น้อง และอีกหลายอำเภอใน จ.สุพรรณบุรี ทยอยคืนพื้นที่เช่านาอย่างต่อเนื่อง จากปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ไม่คุ้มการลงทุนเพาะปลูก โดยชาวนาส่วนหนึ่งหันไปประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้าง หรือรับจ้างอื่นๆ เนื่องจากได้รับค่าแรงประมาณ 350-600 บาท และขณะนี้งานก่อสร้างในจังหวัดก็มีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง


