posttoday

พลังงานสีเขียว

27 มิถุนายน 2557

ทุกวันนี้ “พลังงาน” มีบทบาทสำคัญต่อการดำรงชีพของมนุษย์เราอย่างมาก

ทุกวันนี้ “พลังงาน” มีบทบาทสำคัญต่อการดำรงชีพของมนุษย์เราอย่างมาก

“พลังงานสีเขียว” ที่มีความสะอาด หรือ “พลังงานหมุนเวียน” ที่ใช้แล้วไม่หมดไป จะเป็นพลังงานที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย และไม่สร้างก๊าซเรือนกระจกเพิ่มเติมในชั้นบรรยากาศด้วย

ตัวอย่างของพลังงานหมุนเวียน ได้แก่ พลังงานจากเชื้อเพลิงชีวมวล พลังงานน้ำ พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานความร้อนใต้พิภพ เป็นต้น จะเห็นได้ว่าเมื่อเราได้ลงทุนในอุปกรณ์สำหรับพลังงานดังกล่าวแล้ว เราไม่ต้องเสียเงินซื้อเชื้อเพลิงเพิ่มอีกเลย เพราะเป็นสิ่งที่ได้มาฟรีๆ จากธรรมชาติ ซึ่งจะมีการหมุนเวียนเกิดขึ้นใหม่อยู่ตลอดเวลา

เชื้อเพลิงชีวมวลที่เป็นของแข็ง จะได้จากผลผลิตและผลพลอยได้จากภาคการเกษตรต่างๆ ที่สำคัญๆ ได้แก่ ข้าว อ้อย ข้าวโพด มันสำปะหลัง ไม้ยางพารา หญ้าเนเปียร์ และปาล์มน้ำมัน ชีวมวลที่นิยมใช้กันในประเทศไทยปัจจุบัน ได้แก่ แกลบ ชานอ้อย เศษไม้ยางพารา กะลาปาล์ม และเส้นใยปาล์ม เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีเชื้อเพลิงชีวมวลอื่นที่มีศักยภาพในการนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิง (แต่ยังไม่ได้มีการนำมาใช้อย่างแพร่หลาย) เช่น ฟางข้าว ใบอ้อย ยอดอ้อย เหง้ามันสำปะหลัง ทะลายปาล์มเปล่า และซังข้าวโพด เป็นต้น เชื้อเพลิงชีวมวลแข็งเหล่านี้ส่วนหนึ่งถูกนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมเกษตร และบางส่วนถูกจำหน่ายเป็นเชื้อเพลิงให้แก่โรงงานอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง

ปัจจุบัน เชื้อเพลิงชีวมวลแข็งที่มีคุณภาพสูงมีแนวโน้มการส่งออกไปยังตลาดยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลี เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คุณภาพเชื้อเพลิงชีวมวลแข็งที่สำคัญ ได้แก่ ความยากง่ายในการจัดหา ราคาค่าความร้อน ความชื้น และความสะดวกในการขนส่ง จัดเก็บ ใช้งาน เป็นต้น

เมื่อเร็วๆ นี้ มีการประกาศโครงการ “Reduction of GHG Emission in Thai Industries through Promoting Investments of the Production and Usage of Solid Biofuels” ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรม และองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (UNIDO) โครงการนี้มีวัตถุประสงค์หลัก คือ เพื่อส่งเสริมการผลิตและการใช้เชื้อเพลิงชีวมวลแข็งในภาคอุตสาหกรรม เพื่อทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิลแบบเดิม เช่น ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ทำให้สามารถลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทยให้น้อยลง โครงการนี้จึงนับว่าเป็นการสร้างสรรค์อุตสาหกรรมให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การลดการใช้ทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไปควบคู่ไปกับการลดปัญหาสิ่งแวดล้อมด้านต่างๆ ของประเทศ เช่น ภาวะฝนกรด หมอกควันพิษ และภาวะโลกร้อน โดยผ่านการปรับปรุงวัตถุดิบเทคโนโลยีและการจัดการอุตสาหกรรมที่เหมาะสมในด้านต่างๆ เช่น วัสดุ พลังงาน การผลิต การตลาด โลจิสติกส์และโซ่อุปทาน เป็นต้น

ความร่วมมือที่จะเกิดขึ้น จะช่วยส่งเสริมการผลิตและการใช้เชื้อเพลิงชีวมวลแข็งในภาคอุตสาหกรรม และช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทยด้วย จึงมีความสอดคล้องกับโครงการอุตสาหกรรมสีเขียวของกระทรวงอุตสาหกรรม

การพัฒนาของทั้งสองโครงการต่อไปในอนาคตจะทำให้เกิดประโยชน์กับภาคอุตสาหกรรมและประเทศไทยในหลายๆ ด้าน เช่น การส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมของภาคอุตสาหกรรมและของประเทศ การปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงานในภาคอุตสาหกรรม การใช้พลังงานสะอาด การส่งเสริมการนำพลังงานทดแทนมาใช้ การพัฒนากระบวนการผลิตและโรงงานต้นแบบเพื่อการศึกษาด้านการวิจัย พัฒนา นวัตกรรมการพัฒนาศักยภาพและการจัดการองค์ความรู้ทางด้านอุตสาหกรรม พลังงาน สิ่งแวดล้อม การส่งเสริมการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมและการพัฒนานโยบายที่สนับสนุนการเสริมสร้างประสิทธิภาพด้านการขนส่ง การค้า การบริการเพื่ออุตสาหกรรม ตลอดจนการส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจสีเขียวจากภาคอุตสาหกรรม

ทุกวันนี้ “พลังงานสีเขียว” จึงมีบทบาทสำคัญมากขึ้นทุกที ครับผม!

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2