ปลดบอร์ด ปตท.ยกยวง?
หลังเกิดการรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เป็นหัวหน้าคณะ ไม่นานนักก็เกิดการปล่อยข่าวอย่างต่อเนื่องในการปลดคณะกรรมการ บริษัท ปตท. (PTT) และจะมีการปฏิรูปพลังงานเพื่อยกเลิกการผูกขาด
หลังเกิดการรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เป็นหัวหน้าคณะ ไม่นานนักก็เกิดการปล่อยข่าวอย่างต่อเนื่องในการปลดคณะกรรมการ บริษัท ปตท. (PTT) และจะมีการปฏิรูปพลังงานเพื่อยกเลิกการผูกขาด
ข่าวดังกล่าวทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่อันดับ 1 ของไทยที่ติดอันดับโลกมีขนาดสินทรัพย์ 1.6 ล้านล้านบาท มีกำไรสูงลิ่วเฉลี่ยปีละ 1 แสนล้านบาท เกิดอาการสั่นสะเทือนอย่างหนัก
วันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา ราคาหุ้น PTT ปิดตลาดที่ 296 บาท/หุ้น ลดลง 8 บาท หรือ 2.63% มูลค่าการซื้อขาย 3,830 ล้านบาท
ความจริงแล้ว บริษัท ปตท. นั้นเป็นรัฐวิสาหกิจก็จริง แต่มี 2 สถานะ
สถานะหนึ่ง คือ เป็นรัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลถือหุ้นผ่านช่องทางต่างๆ กว่า 66% ที่เหลือเป็นผู้ถือหุ้นทั่วไปและนักลงทุนต่างประเทศ
สถานะที่สอง เป็นบริษัทมหาชนที่มีการขายหุ้นให้กับประชาชน จึงต้องปฏิบัติหน้าที่ตามข้อบังคับของบริษัทมหาชนตามพระราชบัญญัติ บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535
ดังนั้น การที่รัฐหรือ คสช. จะสั่งปลดคณะกรรมการชุดปัจจุบันออกทั้งชุดจะกระทำไม่ได้ เพราะขัดกับกฎหมายบริษัทมหาชนจำกัด
ซึ่งมาตรา 70 กำหนดว่ากรรมการนั้นให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นเลือกตั้งตามหลักเกณฑ์
มาตรา 71 ในการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปีทุกครั้ง ให้เลือกตั้งคณะกรรมการทั้งชุดพร้อมกันในคราวเดียว แต่ให้คณะกรรมการชุดเดิมรักษาการในตำแหน่ง เพื่อดำเนินกิจการของบริษัทต่อไปพลางก่อนเท่าที่จำเป็นจนกว่าคณะกรรมการชุดใหม่จะเข้ารับหน้าที่
ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับกรณีที่บริษัทมีข้อบังคับกำหนดวิธีการเลือกกรรมการแตกต่างไปจากที่กำหนดไว้ในมาตรา 70 ซึ่งในกรณีเช่นนั้น ให้กรรมการออกจากตำแหน่งจำนวนหนึ่งในสาม หรือให้ออกในจำนวนใกล้ที่สุดกับส่วนหนึ่งในสาม
มาตรา 72 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา 71 กรรมการพ้นจากตำแหน่งเมื่อตาย ลาออก ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้าม ที่ประชุมผู้ถือหุ้นลงมติให้ออกและศาลมีคำสั่งให้ออก
นั่นแสดงว่าถ้ากรรมการ ปตท.จะออก ใครจะมีคำสั่งมาปลดไม่ได้ แต่สามารถแจ้งให้กรรมการคนนั้นๆ ลาออกได้
ดังนั้น การปลดบอร์ด ปตท. ที่เกิดขึ้นในทางปฏิบัติคงเป็นไปได้ยาก เนื่องจาก ปตท. เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ การปรับเปลี่ยนบอร์ดจะต้องใช้มติที่ประชุมผู้ถือหุ้นซึ่งมีการประชุมไปแล้วเมื่อเดือน เม.ย.
แม้จะมีกรรมการบางคนที่ได้รับการแต่งตั้งจากฝ่ายการเมืองและมีกระแสต้องการปรับเปลี่ยนให้ออก แต่ก็คงจะต้องใช้วิธีการเจรจานอกรอบเพื่อขอให้มีการลาออกจากตำแหน่งเองมากกว่า เพื่อให้กรรมการที่เหลือแจ้งให้ผู้ถือหุ้นเสนอรายชื่อผู้ที่เหมาะสมมาเป็นกรรมการ และให้ที่ประชุมกรรมการมีมติแต่งตั้งกรรมการใหม่ขึ้นมาแทนได้ โดยไม่ต้องมีการเรียกประชุมผู้ถือหุ้น
คำถามคือ แล้ว คสช.ประสงค์จะให้กรรมการ ปตท.ออกหรือไม่
ถ้าพิจารณาจากรายชื่อกรรมการบริษัท ปตท. ในปัจจุบันที่มี ปานปรีย์ พหิทธานุกร เป็นประธาน จะพบว่าส่วนหนึ่งเป็นข้าราชการประจำระดับปลัดกระทรวง อธิบดี ทั้ง สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว สมชัย สัจจพงษ์ อรรถพล ใหญ่สว่าง อาคม เติมพิทยาไพสิฐ บุญสม เลิศหิรัญวงศ์
มี 5 คน ที่เอี่ยวกับการเมืองชัดเจน ประกอบด้วย “ปานปรีย์ พหิทธานุกร ประเสริฐ บุญสมพันธ์ วรุณเทพ วัชราภรณ์ อินสอน บัวเขียม และมนตรี โสตางกูร”
ในการดำเนินงานและการสั่งการในทางปฏิบัติของผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการนั้น จะมีผู้หนึ่งที่รู้ว่า “คนของตระกูลชินวัตรที่ถูกส่งไปนั่งเป็นกรรมการ” มีฝีมือและแทรกแซงองค์กรที่ว่ากันว่าเป็นแก้วสารพัดนึกแค่ไหนนั้น มีผู้หนึ่งใน คสช.ที่รู้จริงและรู้ลึก
คนคนนั้น คือ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. ที่ปัจจุบันเป็นรองหัวหน้า คสช.
เนื่องจาก พล.อ.อ.ประจิน นั่งเป็นกรรมการ บริษัท ปตท.อยู่ด้วย
ดังนั้น จึงทราบว่ากรรมการแต่ละคนได้ทำหน้าที่เต็มที่ในฐานะกรรมการผู้กำหนดนโยบายและติดตามการทำงานของฝ่ายบริหารหรือไม่
พล.อ.อ.ประจิน ย่อมรู้ดีว่า ปานปรีย์ประเสริฐวรุณเทพอินสอนมนตรี นั้นเคยเอ่ยปากเสนอความคิดเห็นในที่ประชุม บริษัท ปตท. มากแค่ไหน และมีทัศนคติเป็นอย่างไร
ว่ากันว่าเฉพาะวรุณเทพที่ถูกคนในตระกูลชินวัตรส่งเข้ามาเป็นกรรมการนั้นนานๆ จะเอ่ยปากสักคำ
บรรยง พงษ์พานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารเกียรตินาคิน กล่าวว่า การที่กระแสบางส่วนของสังคมที่เสนอให้ไม่แคร์หรือสนใจความเห็นต่างชาติ หลังจากเกิดรัฐประหารขึ้นในไทยเป็นความคิดที่อันตราย กระแสให้มีการปลดคณะกรรมการบริษัท ปตท.นั้น ทำไม่ได้เชิงธุรกิจผิดหลักการกำกับดูแลที่ดีแม้ว่าหน่วยงานของรัฐจะถือหุ้น ปตท.อยู่ 66% แต่อีก 34% เป็นการถือหุ้นจากกองทุนและนักลงทุนรายย่อย หากจะทำก็ต้องเรียกประชุมผู้ถือหุ้นก่อน
ดังนั้น ถ้าจะมีการปลดบอร์ด ปตท. ยกยวงจริง จะเกิดความปั่นป่วนในตลาดหุ้นแน่นอน
แต่หากจะมีการปฏิรูป บริษัท ปตท. อย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการคืนทรัพย์สินในส่วนที่เป็นการลงทุนของรัฐ เช่น ท่อก๊าซและขายหุ้นโรงกลั่นที่ถือหุ้นอยู่กว่า 5 แห่ง จนกลายเป็นผู้ผูกขาดตลาดออกมาย่อมสร้างการแข่งขันขึ้นในตลาดซึ่งจะช่วยประชาชนทางอ้อม


