"ซูซูกิ เซเลริโอ"คุ้มค่าตอบโจทย์ใช้งาน

โดย...พลพัต สาเลยยกานนท์

ได้ยินได้ฟังความตั้งใจของ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ที่อยากสร้างความประหลาดใจสุดเซอร์ไพรส์ด้านราคาให้กับตลาดรถยนต์อีโคคาร์บ้านเรา ด้วยการนำคณะสื่อมวลชนร่วมเดินทางทดสอบก่อนการเปิดตัวจริง วันที่ 29 พ.ค. 2557 สำหรับ “ซูซูกิ เซเลริโอ” รถยนต์อีโคคาร์ รุ่นที่ 2 ของบริษัทกันถึง จ.เชียงใหม่ ด้วยระยะทางกว่า 180 กม. ในสภาพ|เส้นทางที่หลากหลายครบถ้วน

จุดหลักสำคัญอยู่ที่การเปิดตลาดใหม่ไปยังลูกค้ากลุ่มนักศึกษาและผู้ที่เรียนจบใหม่ๆหมาดๆ ซึ่งเป็นผู้ที่ยังไม่เคยเป็นหนี้จากกระแสการกระตุ้นต่างๆ อาทิ รถคันแรก บ้านหลังแรก หรือภาวะผลกระทบทางเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงการตอบโจทย์จากการพิจารณาด้านความคุ้มค่าของการใช้งานเป็นหลัก ซึ่งได้มาตรฐานความปลอดภัยที่ภาครัฐกำหนด โดยไม่คำนึงถึงสมรรถนะที่โดดเด่นมากนัก

“ซูซูกิ เซเลริโอ” ได้รับการพัฒนามาจากพื้นฐานของรถต้นแบบเอวินด์ (A:Wind) รถที่เป็นต้นแบบคอมแพกต์คาร์ขนาดเล็กของบริษัท ซึ่งรูปลักษณ์หน้าตาภายนอกของเจ้ารถคันนี้ใช่ว่าจะขี้เหร่อะไร เพราะชุดกันชนหน้าตั้งแต่กระจังหน้าตกแต่งด้วยโครเมียมสอดรับกับไฟหน้าโดดเด่น พร้อมเส้นสายรายละเอียดที่ชัดเจน คมเข้ม ทรงเหลี่ยม ลากยาวไปบรรจบที่ด้านท้าย ซึ่งก็ยังคงเป็นรุ่น 5 ประตู 5 ที่นั่ง ไม่เหมือนกับค่ายอื่นที่ออกรุ่นใหม่มาก็จะเปลี่ยนเป็น 4 ประตู

ฟังเช่นนั้นแล้วมโนไปไกลเลยว่าการออกแบบภายในคงจะต้องลดต้นทุนน่าดูจนกระทั่งไม่เหลืออะไรเลย แต่ย้ำว่ากลับไม่ใช่ เพราะถ้าถามถึงความเหมาะสมกับสิ่งที่ให้มาเป็นต้นด้วยว่าระบบเครื่องปรับอากาศถึงแม้จะไม่ได้ปรับอัตโนมัติหรือเป็นแบบดิจิทัลก็ตาม นอกนั้นก็มาตรฐานระบบความบันเทิงโอเค เล่นซีดีได้ ฟังวิทยุได้ กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า เรียกได้ว่า อะไรที่จำเป็นน่ะมีหมดแหละ แต่เลิศเลอหรูหราไหม ... ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว

ที่แน่ๆ อย่างหนึ่งคือขนาดของตัวรถที่เน้นไปที่ความสูง ทำให้เวลาอยู่ภายในห้องโดยสารไม่ว่าจะเป็นผู้โดยสารหรือผู้ขับขี่ ก็รู้สึกโล่งโปร่งสบายด้วยระยะความสูงจากศีรษะถึงหลังคา แต่ตำแหน่งที่นั่งด้านหนังอาจจะมีเล็กน้อยที่ช่วงเข่า ช่วงขา ชนกับหลังเบาะที่นั่งด้านหน้าอยู่บ้าง ซึ่งอาจเป็นเพราะความยาวขาด้วยความสูง 185 ซม. จึงทำให้รู้สึกเช่นนั้น

ทัศนวิสัยด้านการขับขี่สดใสชัดเจนเห็นได้รอบคันและการจัดวางอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเป็นไปอย่างเรียบง่ายสะดวกต่อการใช้งานจริง สีสันภายในดำตัดเมทัลลิก เบาะผ้าสังเคราะห์ วัสดุที่ใช้คุณภาพเดียวกับอีโคคาร์รุ่นพี่อย่างซูซูกิ สวิฟท์ เบาะที่นั่งด้านหลังปรับพับได้แบบ 60:40 ให้เผื่อได้อเนกประสงค์ ใช้พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังที่มีความจุสูงสุด 254 มม.

มิติตัวรถโดยรวมตามเอกสารด้านเทคนิคระบุไว้ว่า ขนาดตัวถังอยู่ที่ 3,600x1,600x1,540 มม. (ยาวxกว้างxสูง) พร้อมความยาวฐานล้อ 2,425 มม. ระยะความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 145 มม. และวงเลี้ยวแคบสุดที่ 4.7 มม. น้ำหนักของตัวรถเปล่าอยู่ที่ 785-835 กก. ขณะที่น้ำหนักบรรทุกรวมได้สูงสุดที่ 1,260 กก. ซึ่งซูซูกิเคลมไว้ว่าความสูงของตัวรถสูงสุดเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกันทำให้ไม่อึดอัดอย่างแน่นอน

มาถึงสมรรถนะการขับขี่ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เค 10 บี แบบ 3 สูบ 12 วาล์ว ขนาด 1.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุดที่ 68 แรงม้าที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 90 นิวตันเมตร ที่ 3,500 รอบต่อนาที รองรับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้สูงสุดถึงแก๊สโซฮอล์ อี20 ขนาดถังน้ำมันความจุ 35 ลิตร

อารมณ์การขับขี่ค่อนข้างตื่นตาตื่นใจ ไม่คิดไม่หวังว่าด้วยแรงม้าและแรงบิดตามสเปกนี้แล้ว จะให้การตอบสนองที่ถือว่าเหมาะสมตามน้ำหนักตัวและขนาด โดยอัตราเร่งอัตราตอบสนองของคันเร่งให้การตอบสนองดีระดับหนึ่ง จะเร่งแซง จะขึ้นเขา จะวิ่งทำความเร็ว หรือผจญรถติดในเมืองก็ไปได้ไม่มีปัญหา ซึ่งรอบเครื่องยนต์เวลาเร่งแซงดูสูงไปสักนิดจนเสียงเครื่องยนต์ที่มีความเครียดลอดเข้ามาให้ได้ยินในห้องโดยสารอยู่บ้าง

สำหรับช่วงล่างการเกาะถนนถือได้ว่าทำได้ดีตามเอกลักษณ์ของซูซูกิ ใช้คำว่า “นุ่มหนึบ” ได้และน้ำหนักพวงมาลัยที่พอดีๆ แต่จะมีอาการโยนให้เห็นในช่วงย่านความเร็วสูงอยู่บ้าง แต่สิ่งที่ชอบอย่างหนึ่งคือ ความคล่องตัวที่ค่อนข้างพลิ้วเหมาะกับสถานที่ที่มีพื้นที่จำกัด ด้วยขนาดและน้ำหนักของตัวรถที่กะทัดรัดพร้อมวงเลี้ยวที่แคบ น่าจะทำให้การใช้รถคันนี้ของชีวิตในเมืองสะดวกสบายยิ่งขึ้น

ดังนั้น หากต้องการหาความหรูหราชั้นเลิศกรุณามองหาคันอื่นโดยพลัน เพราะรถคันนี้ตอบโจทย์สนองความต้องการแก่ผู้ที่ต้องการใช้งานจริงตามความคุ้มค่าเหมาะสมที่ทุกอย่างล้วนจัดมาแต่ที่จำเป็น ส่วนราคาค่าตัวยังไม่เปิดเผย แต่เป้าหมายของการวางตำแหน่งรถคันนี้จะเป็นรถที่มีราคาถูกที่สุดในตลาดอีโคคาร์ จึงคอนเฟิร์มได้ว่า “เร้าใจ” แน่นอน !!!

“ซูซูกิ เซเลริโอ” จะเป็นรถคันหนึ่งที่เปิดโอกาสสำหรับทุกคนให้เป็นเจ้าของรถได้ง่ายขึ้น เบื้องต้นน่าจะต่ำกว่า 3.8 แสนบาท