"ชูชัย ชัยฤทธิเลิศ" เขย่าธุรกิจเข้ากับวิถีชุมชน
ถ้าพูดถึงนักธุรกิจค้าเพชรระดับพันล้านคงมีหลายคนนึกถึง ชูชัย ชัยฤทธิเลิศ เจ้าของร้านเพชร เจม พีซ บาย ชูชัย เพราะนอกจากจะมีคอลเลกชั่นของเครื่องประดับเพชรใหม่ๆ ให้เลือกแบบหลากหลายแล้ว ปัจจุบันร้านเจม พีซ บาย ชูชัย ยังมีจำนวนสาขาเปิดให้บริการมากถึง 10 สาขา
ถ้าพูดถึงนักธุรกิจค้าเพชรระดับพันล้านคงมีหลายคนนึกถึง ชูชัย ชัยฤทธิเลิศ เจ้าของร้านเพชร เจม พีซ บาย ชูชัย เพราะนอกจากจะมีคอลเลกชั่นของเครื่องประดับเพชรใหม่ๆ ให้เลือกแบบหลากหลายแล้ว ปัจจุบันร้านเจม พีซ บาย ชูชัย ยังมีจำนวนสาขาเปิดให้บริการมากถึง 10 สาขา
หลังจากประสบความสำเร็จกับธุรกิจร้านเพชร ชูชัยก็ขอพักงานการขยายสาขาร้านเพชร เจม พีซ บาย ชูชัย ในปีนี้ เน้นทำตลาดเฉพาะสาขาเดิมที่มีอยู่ 10 สาขา เนื่องจากต้องการหันมาพัฒนาโครงการท่องเที่ยวใน อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ภายใต้ชื่อ ชูชัย บุรี ศรีอัมพวา
แม้ว่าช่วงเริ่มต้นโครงการปี 2555 จะประสบปัญหาการต่อต้านอย่างรุนแรง เนื่องจากนักอนุรักษ์ เกรงว่า การเกิดขึ้นของโรงแรมหรูภายใต้โครงการ ชูชัย บุรี ศรีอัมพวา จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิตของคนอัมพวา แต่เมื่อชูชัยยอมถอยมาหนึ่งก้าว เพื่อปรับแบบโครงการให้เข้ากับวิถีชีวิตของคนอัมพวาทุกอย่างจึงผ่านพ้นไปด้วยดี
เวลาผ่านไป 2 ปี ชูชัย ชัยฤทธิเลิศ ประธานกรรมการ บริษัท เจมพีซ กรุ๊ป เจ้าของร้านเพชร เจม พีซ บาย ชูชัย ออกมาประกาศแบบโครงการ ชูชัย บุรี ศรีอัมพวา โฉมใหม่ จากเดิมจะสร้างโรงแรมระดับ 5 ดาว ก็ปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นแนวบูติก เพื่อให้สอดคล้องกับชุมชนอัมพวามากที่สุด
ชูชัย กล่าวว่า หลังจากแบบของโครงการต้องปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด จึงได้ซื้อที่ดินเพิ่มเติมจากเดิมโครงการ ชูชัย บุรี ศรีอัมพวา จะมีที่ดินในการก่อสร้างโครงการประมาณ 3 ไร่ ปัจจุบันได้ขยายพื้นที่โครงการเป็น 7 ไร่ เพื่อทำให้โครงการมีความครบวงจร และช่วยเหลือให้คนในชุมชนมีรายได้
จากพื้นที่ของโครงการที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ส่งผลให้ปัจจุบันโครงการ ชูชัย บุรี ศรีอัมพวา นอกจากจะมีโรงแรมเปิดให้บริการแล้วยังมีคอมมูนิตี้มอลล์ ตลาดน้ำ ตลาดบนบก รวมไปถึงโรงละครแสดงโชว์ สิ่งที่สร้างขึ้นมาเพิ่มดังกล่าว ชูชัย บอกว่า เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่จะช่วยสร้างรายได้ให้คนในชุมชน โดยเฉพาะตลาดน้ำที่จะเปิดให้ชาวบ้านนำสินค้ามาขายฟรี
“สิ่งที่เราพยายามจะทำตอนนี้ คือ การทำให้โครงการนี้เป็นตลาดท่องเที่ยวที่สำคัญของอัมพวา แบบว่าใครที่จะมาอัมพวาต้องนึกถึงโครงการ ชูชัย บุรี ศรีอัมพวา เพราะเรามีบริการครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ตลาดน้ำ ตลาดบนบก ทุกสถานที่ภายในโครงการ เราจะทำเป็นสถานที่ถ่ายรูปเชิงสัญลักษณ์ของโครงการ เช่น หอนาฬิกายักษ์” ชูชัย กล่าว
จุดเด่นของตัวโรงแรม ชูชัย เล่าต่อว่า จะเป็นรูปแบบบูติกคอนเซปต์จำนวน 52 ห้อง เน้นทำตลาดด้วยราคาขายที่ไม่แพง เบื้องต้นตั้งไว้ประมาณคืนละไม่เกิน 4,000 บาท รวมอาหารเช้า นอกจากนี้ อาจขายเป็นแบบแพ็กเกจรับประทานอาหารและชมโชว์ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ตั้งราคาขาย
สำหรับคอมมูนิตี้มอลล์ จะชูจุดเด่นในด้านของการเป็นโครงการที่รวมเอาศิลปะ วัฒนธรรม ศาสนา กีฬา และอาหารการกินแบบไทย เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในอัมพวา ขณะเดียวกันในพื้นที่ดังกล่าวก็จะมีการจัดงานอีเวนต์ และการแสดงโชว์ศิลปวัฒนธรรม ซึ่งจะเปิดโอกาสให้คนในชุมชนได้ร่วมแสดงความสามารถ
“ในส่วนของโชว์เบื้องต้นวางไว้ว่าจะจัดแสดงโชว์ทุกๆ 3 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่เวลา 12.00 น.เป็นต้นไป โดย 1 โชว์ จะใช้การแสดงประมาณ 10 นาที ซึ่งการจัดให้มีการแสดงโชว์ดังกล่าวนอกจากจะสร้างสีสันให้กับโครงการและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ รวมทั้งยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน” ชูชัย กล่าว
อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ชูชัยต้องการสร้างขึ้นมาให้เป็นจุดเด่นของโครงการ คือ ตลาดบนบก จะมีจุดเด่นในด้านการเป็นตลาดรัตนโกสินทร์ ขณะที่ตลาดน้ำจะมีจุดเด่นของสินค้าที่นำมาขาย ซึ่งจะมาจากชาวชุมชุมในอัมพวาที่พายเรือมาขายสินค้าหน้าโครงการประมาณ 200 ลำ คาดจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติมาวันละ 27 หมื่นคน
“สิ่งที่เราจะพยายามสร้างให้ตลาดน้ำของเราเป็น คือ การเป็นคาแนลไนท์มาร์เก็ตของโลก เพราะแต่ละสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นตลาดน้ำส่วนใหญ่จะเปิดให้บริการแค่ช่วง 34 ทุ่ม ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวนักท่องเที่ยวบางส่วนยังต้องการใช้เวลาอยู่ต่อเพื่อพักผ่อน เราจึงมีแผนที่จะขยายเวลาให้บริการถึงเที่ยงคืน” ชูชัย กล่าว
จากแนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าว ส่งผลให้ชูชัยต้องเพิ่มงบลงทุนจาก 500 ล้านบาท เป็น 1,000 ล้านบาท เนื่องจากต้องการให้โครงการ ชูชัย บุรี ศรีอัมพวา เป็นโครงการที่ทุกคนที่มาอัมพวาต้องเข้ามาท่องเที่ยว ส่วนจะถึงจุดคุ้มทุนในปีไหนนั้น ชูชัย ยังไม่ได้วางเป้าหมายไว้ เพราะ เพื่อแนวทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ ชูชัยต้องการทำธุรกิจภายใต้แนวคิด “กิฟต์ เทก”


