SCCCรักษาเครดิตAการเงินแกร่ง
ฟิทช์คงเครดิต SCCC ที่ A มองฐานะการเงินแกร่ง ส่วนแบ่งตลาดปูนสูง
ฟิทช์คงเครดิต SCCC ที่ A มองฐานะการเงินแกร่ง ส่วนแบ่งตลาดปูนสูง
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง (SCCC) ที่ระดับ ‘A(tha)’ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ระดับ ‘F1(tha)’ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิที่ระดับ ‘A(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ
SCCC ยังคงรักษาตำแหน่งผู้ผลิตปูนซีเมนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งการตลาดที่ระดับ 28% ในปี 2556 ชื่อเสียงของตราสินค้าประเภทปูนซีเมนต์และคอนกรีตผสมเสร็จ เป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้บริษัทสามารถรักษากำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา รวมถึงอัตราส่วนกำไรต่อรายได้ให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ธุรกิจส่งออกของบริษัทยังได้รับการสนับสนุนด้านเครือข่ายการจัดจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศที่แข็งแกร่งจากโฮซิม หรือ Holcim (‘BBB’/Stable) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น 27.5% ของบริษัทอีกด้วย
ด้วยฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาตัดจำหน่ายและค่าเช่า (อิบิตดา) อยู่ในระดับต่ำกว่า 1 เท่า (ณ สิ้นปี 2556 อยู่ที่ 0.6 เท่า) ทำให้บริษัทมีความยืดหยุ่นเพียงพอในการลงทุนช่วง 2 ปีข้างหน้า
ฟิทช์คาดว่า บริษัทจะยังคงรักษาอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่ออิบิตดา ให้อยู่ในระดับไม่เกิน 1.5 เท่าได้ในช่วงปี 25572558 ในขณะที่อัตราส่วนกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงในทรัพย์สินและหนี้สินต่อดอกเบี้ยจ่าย น่าจะยังแข็งแกร่งระดับที่สูงกว่า 10 เท่า (ณ สิ้นปี 2556 อยู่ที่ระดับ 28 เท่า)
อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ของปูนซีเมนต์ในประเทศมีแนวโน้มที่จะเติบโตในระดับที่ลดลงในปี 2557 แต่จะเติบโตในช่วง 23 ปีข้างหน้า สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การเพิ่มขึ้นของโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และแผนการลงทุนสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของภาครัฐ
ทั้งนี้ ฟิทช์คาดว่ายอดขายของบริษัทจะเติบโตในระดับประมาณ 25% ในปี 2557 เทียบกับอัตราการเติบโตที่สูงกว่า 10% ในช่วง 23 ปีที่ผ่านมา จากการ ส่งออกที่เพิ่มขึ้น
ทางด้านอัตราส่วนกำไรของบริษัทมีความอ่อนไหวต่อระดับราคาพลังงาน โดยเฉพาะราคาถ่านหินและไฟฟ้า ต้นทุนเชื้อเพลิงและไฟฟ้ามีสัดส่วนประมาณ 75% ของต้นทุนการผลิตทั้งหมด แต่แรงกดดันต่ออัตรากำไรขั้นต้นน่าจะบรรเทาลงในปี 2557 เนื่องจากราคาถ่านหินในตลาดโลกลดลงและมีความผันผวนน้อยลง
อย่างไรก็ดี อันดับเครดิตของบริษัทถูกจำกัดจากการที่บริษัทมีการกระจายตัวของแหล่งรายได้ค่อนข้างน้อย โดยรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทมาจากการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกันภายในประเทศเป็นหลัก


