"TSFC"ฟื้นมีกำไร
บล.เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ฟื้นมีกำไร จ่ายเงินปันผลหุ้นละ 1.05 บาท เพิ่มทุนขายพีพี 3 กลุ่มสร้างพันธมิตร
บล.เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ฟื้นมีกำไร จ่ายเงินปันผลหุ้นละ 1.05 บาท เพิ่มทุนขายพีพี 3 กลุ่มสร้างพันธมิตร
บริษัทหลักทรัพย์ เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ (TSFC) เปิดเผยว่า บริษัทจะจัดการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 21 เม.ย.นี้ เพื่อพิจารณาวาระถึง 13 วาระ โดยเฉพาะการเพิ่มทุนจดทะเบียนจากจำนวน 1,016,739,840 บาท เป็น 1,549,125,840 บาท เพื่อเสนอขายให้กับนักลงทุนกลุ่มเฉพาะเจาะจง (พีพี) 3 กลุ่ม ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำนวนไม่เกิน 45 ล้านหุ้นธนาคารออมสิน ไม่เกิน 9,716,600 หุ้น และกระทรวงการคลังอีก 5,620,500 หุ้น
“TSFC ต้องการหา Strategic Partner เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันจึงต้องขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 53,238,600 หุ้นให้กับนักลงทุนกลุ่มนี้ แต่การพิจารณาวาระการเพิ่มทุนจะต้องผ่านมติอนุมัติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน”
นอกจากนั้น TSFC จะมีการพิจารณาวาระการจัดสรรกำไรจากผลการดำเนินงานในปี 2556 เป็นทุนสำรองตามกฎหมายและการจ่ายเงินปันผล
ในปี 2556 บริษัทมีกำไรสุทธิ 24.71 ล้านบาท หรือกำไรหุ้นละ 0.24 บาท จึงจัดสรรเป็นทุนสำรอง เท่ากับ 1.23 ล้านบาท โดยคณะกรรมการบริษัทเห็นควรเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 1.05 บาท เป็นการจ่ายเงินปันผลจากกำไรปี 2556 บางส่วนและกำไรสะสม รวมเป็นเงินปันผลจ่ายทั้งสิ้น 106.75 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทให้ข้อมูลในการพิจารณาเรื่องการจ่ายเงินปันผล ว่า ห้ามจ่ายเงินปันผลจากเงินประเภทอื่นนอกจากเงินกำไร ในกรณีที่บริษัทยังมียอดขาดทุนสะสมอยู่ ห้ามไม่ให้จ่ายเงินปันผล โดยมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อปี 2555 วันที่ 18 เม.ย. 2555 อนุมัติการกำหนดนโยบายการจ่ายเงินปันผล ในอัตราไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิ เว้นแต่คณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า มีสถานการณ์จำเป็นที่ทำให้ต้องเปลี่ยนแปลงการจ่ายเงินปันผลหรือจำเป็นต้องนำเงินกำไรสุทธิมาใช้เพื่อขยายการดำเนินงานของบริษัท
นอกจากนั้น ในการประชุมผู้ถือหุ้น|ครั้งนี้ยังมีวาระพิจารณากำหนดค่าตอบแทนกรรมการสำหรับปี 2557 โดยประธานกรรมการได้เดือนละ 2.25 หมื่นบาท กรรมการได้คนละ 1.5 หมื่นบาท ประธานกรรมการตรวจสอบได้ 18,750 บาทต่อเดือนที่มีการประชุม กรรมการได้ 5,000 บาทต่อเดือนที่มีการประชุม
สำหรับคณะกรรมการกำกับธุรกิจ คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง คณะกรรมการกลยุทธ์องค์กร และคณะกรรมการชุดย่อยอื่นที่อาจมีการแต่งตั้งในอนาคตนั้น ประธานกรรมการได้ 1.2 หมื่นบาทต่อเดือนที่มีการประชุม กรรมการได้ 1 หมื่นบาทต่อเดือนที่มีการประชุม
ด้านผลการดำเนินงานของ TSFC ที่มีกำไรสุทธิ 24 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิ 8.7 ล้านบาทในปี 2555 มาจากรายได้รวม 258.56 ล้านบาท และค่าใช้จ่าย 233.85 บาท ดีขึ้นจากปี 2555 ที่มีรายได้รวม 218.2 ล้านบาท และค่าใช้จ่าย 228.75 บาท
ที่ผ่านมา TSFC ได้เผชิญวิกฤตอย่างรุนแรงจนแทบจะล้มหายตายจากไป จน ตลท.จะต้องกระโดดช่วยใส่เงินเพิ่มทุน จดทะเบียนและดึงธนาคารพาณิชย์เข้ามาร่วมด้วย ปัจจุบัน ตลท.เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ที่สุดจำนวน 24.66% ตามด้วยกระทรวงการคลังถือ 10.56% ธนาคารกรุงไทยถือ 6.02% ธนาคารออมสินถือ 4.92% ธนาคารกรุงเทพถือ 3.85%


