posttoday

ผลสำรวจคนไทยใช้เงินฟุ่มเฟือยจนออมไม่ได้ตามเป้า

25 มีนาคม 2557

สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ชี้ คนไทยเน้นออมเงินไว้ใช้ยามเกษียณมากสุด แต่อุปสรรคสำคัญที่ออมไม่ได้ตามเป้า เพราะใช้เงินเกินตัว

สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ชี้ คนไทยเน้นออมเงินไว้ใช้ยามเกษียณมากสุด แต่อุปสรรคสำคัญที่ออมไม่ได้ตามเป้า เพราะใช้เงินเกินตัว

นางปรัศนีย์ สุระเสถียร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบริหารการเงินการลงทุน บริการธนาคารพิเศษและธนาคารระหว่างประเทศ สายงานบุคคลธนกิจ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) เปิดเผยว่า ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด จัดทำแบบสำรวจ The Future Priority Report เพื่อศึกษาถึงพฤติกรรม กระบวนการตัดสินใจ และแนวโน้มความต้องการทางการเงินของกลุ่มลูกค้าธนาคารพิเศษ โดยการศึกษาในครั้งนี้ได้ทำการสำรวจในกลุ่มประชากร 2,700 คนใน 9 ประเทศทวีปเอเชีย ได้แก่ จีน ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน และไทย

สำหรับเหตุผลหลักในการสร้างเป้าหมายในการออมนั้น พบว่า สองเหตุผลหลักที่พบในกลุ่มตัวอย่างคนไทย คือ เพื่อความมั่นคงทางการเงิน ที่ร้อยละ 28 และเพื่อทิ้งมรดกไว้ให้ลูกหลาน ที่ร้อยละ 21 ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่างในเอเชียเน้นหนักในการสร้างความมั่นคงทางการเงิน ร้อยละ 25 และเพื่อเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จในชีวิต ร้อยละ 18

โดยเมื่อถามถึงความลำดับความสำคัญในการใช้เงินนั้น พบว่า กลุ่มตัวอย่างชาวไทยมีวัตถุประสงค์ในการออมเงินเพื่อใช้สำหรับยกระดับคุณภาพชีวิตตนเองและครอบครัว ร้อยละ 27 และเก็บไว้ใช้ในยามเกษียณ ร้อยละ 23 สอดคล้องกับค่าเฉลี่ยกลุ่มตัวอย่างในเอเชีย ร้อยละ 27 และร้อยละ 17 ตามลำดับ

แต่ผลสำรวจ พบว่า อุปสรรคที่จะทำให้แบบสำรวจไม่ประสบความสำเร็จในการเข้าถึงเป้าหมายทางการเงินนั้น กลุ่มตัวอย่างชาวไทยกังวลที่จะใช้เงินเกินตัวจนไม่สามารถออมเงินได้เป็นอันดับหนึ่ง ที่ร้อยละ 19 รองลงมาคือสภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย แตกต่างจากกลุ่มตัวอย่างเอเชียที่กังวลในเรื่องสุขภาพเป็นอันดับหนึ่งที่ร้อยละ 16 ตามมาด้วยการลงทุนที่ล้มเหลวเป็นอันดับสอง

ทั้งนี้ ในด้านของการใช้บริการการให้คำปรึกษาทางการเงินแบบมืออาชีพนั้นพบว่ากลุ่มตัวอย่างชาวไทยเน้นให้น้ำหนักไปที่การรับบริการคำปรึกษาเพื่อเริ่มธุรกิจส่วนตัวเป็นอันดับหนึ่ง ร้อยละ 67 ตามมาด้วยการลงทุนด้านที่อยู่อาศัย ร้อยละ 60 การสร้างความมั่งคั่ง ร้อยละ 60 และการเตรียมพร้อมทางการเงินเพื่อใช้ในยามเกษียณ ร้อยละ 52 สอดคล้องกับกลุ่มตัวอย่างในเอเชียที่แสวงหาบริการการให้คำปรึกษามืออาชีพจากสถาบันทางการเงินเพื่อการ ริเริ่มธุรกิจส่วนตัว ร้อยละ 62 การเตรียมพร้อมทางการเงินเพื่อใช้ในยามเกษียณ ร้อยละ 58 การสร้างความมั่งคั่ง ร้อยละ 55 และการลงทุนเพื่อที่อยู่อาศัย ร้อยละ 54

ในด้านความสัมพันธ์ที่กลุ่มตัวอย่างมีกับสถาบันทางการเงินนั้นชาวไทยและเอเชียต่างใช้บริการธนาคารในสัดส่วนที่สูง โดยชาวไทยกว่าร้อยละ 72 และชาวเอเชียร้อยละ 68 ใช้บริการจากสถาบันทางการเงิน แต่กระนั้นก็ตามสำหรับบริการธนาคารพิเศษ (‘Priority service’) ชาวเอเชียให้ความสำคัญมากกว่าที่ร้อยละ 27 เมื่อเทียบกับชาวไทยที่ร้อยละ 10 

นอกจากนั้นยังพบว่ากลุ่มตัวอย่างชาวไทยมีแนวโน้มตัดสินใจลงทุนด้วยตนเองมากกว่าที่จะใช้บริการให้คำปรึกษาจากสถาบันทางการเงิน ตรงกันข้ามกับกลุ่มตัวอย่างเอเชียที่มีแนวโน้มแสวงหาคำปรึกษามืออาชีพเพื่อให้ตนบรรลุถึงเป้าหมายสูงสุดทางการเงิน

ผลสำรวจคนไทยใช้เงินฟุ่มเฟือยจนออมไม่ได้ตามเป้า

 

ข่าวล่าสุด

Sponge City Tourism เมื่อเมืองเลิกสู้กับน้ำ แล้วหันมา “อยู่ร่วมกับมัน”