'เสนาะฟาร์ม' เลี้ยง 2 อย่างมั่นคง 2 ต่อ
อาชีพเกษตรกร หลายคนมองว่าเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคง เพราะต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ
อาชีพเกษตรกร หลายคนมองว่าเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคง เพราะต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ทั้งสภาพดินฟ้าอากาศ กระบวนการผลิต รวมทั้งราคาท้องตลาดที่ผันผวน ทำให้เกษตรกรหลายคนถึงกับถอดใจหันหลังให้กับอาชีพเกษตรกร แต่สำหรับ เสนาะ เกษมพิน เจ้าของเสนาะฟาร์ม ใน อ.บ้านค่าย จ.ระยอง กลับเล็งเห็นถึงความก้าวหน้าในอาชีพเกษตรกร
เส้นทางความสำเร็จของเสนาะฟาร์มและแนวความคิดในการเลี้ยงสัตว์ที่ก้าวหน้าทันสมัย เกิดจากการได้รับคำแนะนำและคำปรึกษาที่ดีจากผู้เชี่ยวชาญ ทั้งด้านเทคโนโลยีและวิชาการใหม่ๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในฟาร์มอย่างต่อเนื่อง โดยฟาร์มแห่งนี้เป็นคอนแทรกต์ฟาร์มกับบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือ ซีพีเอฟ มีการเลี้ยงสุกรพันธุ์ และเลี้ยงไก่ไข่แบบประกันราคา ภายใต้โครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงสัตว์แก่เกษตรกรรายย่อย
การที่ได้มีโอกาสร่วมทำอาชีพเกษตรกับบริษัท ทำให้ทุกวันนี้ครอบครัวมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จากแต่ก่อนที่ไม่มีประสบการณ์มากนัก แต่พอเข้าร่วมโครงการทางบริษัทก็มีเจ้าหน้าที่สัตวบาลมาช่วยดูแลให้คำแนะนำถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีใหม่อยู่เสมอ ทำให้ตัวเองและครอบครัวมีความสุขที่ได้ผลิตสินค้าเกษตรดีๆ มีคุณภาพให้กับชุมชนใน จ.ระยอง และจังหวัดใกล้เคียง
ด้าน กริช สุขอุดม ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจครบวงจร สาขาระยอง ของซีพีเอฟ กล่าวว่า เสนาะฟาร์ม ถือเป็นฟาร์มตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งปัจจุบันนี้การทำคอนแทรกต์ฟาร์มนั้น มี 2 รูปแบบ คือ ประกันรายได้ และการประกันราคา เพื่อช่วยสนับสนุนการสร้างงานสร้างอาชีพ และพัฒนาอาชีพเกษตรกร ซึ่งปัจจุบันมีเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการกว่า 5,000 รายทั่วประเทศ
สำหรับเสนาะฟาร์ม เลี้ยงทั้งสุกรพันธุ์และไก่ไข่ในฟาร์มเดียวกัน มีการแยกโรงเรือนเลี้ยงหมูกับโรงเรือนเลี้ยงไก่ออกจากกัน มีรั้วรอบขอบชิด มีประตูทางเข้าออกแยกจากกัน ใช้รถขนส่งของฟาร์มเท่านั้น ห้ามรถภายนอกเข้ามาเด็ดขาด รวมไปถึงระบบรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล
เสนาะเป็นหนึ่งในเกษตรกรตัวอย่าง ที่มีหัวคิดก้าวหน้า มีความโดดเด่นในการต่อยอดความสำเร็จจากการเลี้ยงสุกรพันธุ์ ขยายสู่การเลี้ยงไก่ไข่ และพร้อมเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อพัฒนาและปรับปรุงขยายฟาร์มอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีพื้นที่การเลี้ยงสุกรพันธุ์และแม่พันธุ์ 300 ตัว
ส่วนฟาร์มไก่ไข่ก็ได้มีการลงทุนก่อสร้างขยายพื้นที่ ปรับปรุงจากโรงเรือนเดิมให้มีความทันสมัย สามารถเลี้ยงไก่ไข่ได้ถึง 4 หมื่นตัว มีรายได้จากฟาร์มไก่ไข่และสุกรพันธุ์ เฉลี่ยเดือนละ 5-6 แสนบาท ซึ่งไม่เพียงแต่สุกรพันธุ์และไก่ไข่ที่สร้างรายได้แล้ว ยังมีมูลของสุกรที่นำเข้าสู่กระบวนการไบโอแก๊ส นำกลับมาช่วยผลิตกระแสไฟฟ้าเข้าสู่โรงเรือน ช่วยประหยัดค่าไฟได้อีกทางหนึ่ง ส่วนมูลไก่จำหน่ายเพื่อทำเป็นปุ๋ย
นอกจากนี้ เสนาะฟาร์มได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้ในฟาร์มตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ซีพีเอฟ เช่น การติดตั้งสายพานเก็บไข่ไก่เพื่อย่นระยะเวลาการเก็บไข่ และแรงงานคนได้เป็นอย่างดี


