เชฟโรเลต โคโรลาโด ขุมพลังดูราแมกซ์ใหม่
ว่ากันว่าเป็นรถกระบะที่กล้าเคลมตัวเองด้านประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ในรถกระบะ “เชฟโรเลต โคโรลาโด ใหม่” ที่ได้ปรับโฉมไปหมาดๆ หลังจากเปิดตัวออกสู่ตลาดในประเทศไทยครั้งแรกในปี 2554 ซึ่งมาพร้อมกับการพัฒนาที่ทีมวิศวกรมีความภาคภูมิใจในการนำเสนอขุมพลัง “ดูราแมกซ์”
ว่ากันว่าเป็นรถกระบะที่กล้าเคลมตัวเองด้านประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ในรถกระบะ “เชฟโรเลต โคโรลาโด ใหม่” ที่ได้ปรับโฉมไปหมาดๆ หลังจากเปิดตัวออกสู่ตลาดในประเทศไทยครั้งแรกในปี 2554 ซึ่งมาพร้อมกับการพัฒนาที่ทีมวิศวกรมีความภาคภูมิใจในการนำเสนอขุมพลัง “ดูราแมกซ์”
“โพสต์ทูเดย์” จึงไม่รอช้าตกลงร่วมเดินทางไปกับ “เชฟโรเลต โคโรลาโด ใหม่” บนเส้นทางกรุงเทพฯกาญจนบุรี ด้วยระยะทางกว่า 300 กม. พร้อมการรายงานผลการลองขับให้ท่านผู้อ่านได้สัมผัสไปพร้อมๆ กัน โดยมีทั้งรุ่น 2 ประตู และ 4 ประตู ขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ ขนาดเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร และ 2.8 ลิตร เกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดาให้เป็นทางเลือกมากมาย
โดยคันที่ได้ทดลองขับเป็นรุ่นท็อปของตัว 4 ประตู (CCab) เกียร์อัตโนมัติ ที่มาพร้อมด้วยเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ ขนาด 2.8 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุดที่ 200 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 500 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ไว้ให้ได้ลุยอีกต่างหาก
ที่กล่าวถึงเครื่องยนต์ขึ้นมาเป็นอันดับแรกเนื่องจากเชฟโรเลต ย้ำนักย้ำหนาเลยว่าอยากให้ได้สัมผัสอย่างเต็มอรรถรส ซึ่งเส้นทางที่จัดไว้ให้ค่อนข้างมีครบครัน ทั้งสภาพการจราจรในเมืองทางตรงยาวๆ ทางคดโค้งสลับขึ้นเขาและทางออฟโรด ซึ่งขุมพลังและแรงบิดที่ว่าให้อัตราการตอบสนองดีที่ช่วงความเร็วติดลมบนไปแล้ว แต่หากเป็นช่วงที่ต้องใช้ความเร็วต่ำ ขณะออกตัวหรือเปลี่ยนความเร็วขึ้นลงบ่อยๆ ส่วนนี้อาจจะให้ความรู้สึกตอบสนองได้ไม่ทันใจเท่าไรนัก ซึ่งหากถอนคันเร่งความเร็วลดลงกว่าจะไล่รอบความเร็วให้กลับขึ้นไปใหม่อาจจะเหนื่อยสักนิด จึงขอนิยามสั้นๆ ง่ายๆ แล้วกันว่า “มาช้าแต่มาหนัก”
ขณะที่ช่วงล่างและสมรรถนะการทรงตัวในรุ่นนี้ให้ความนุ่มนวลจากความตั้งใจที่จะให้ได้สัมผัสในรุ่น 4 ประตู ที่เน้นความสะดวกสบายของผู้โดยสารและผู้ขับขี่มากกว่าการบรรทุกสัมภาระ พร้อมกันนี้การเกาะถนนและการรับแรงกระแทกในการขับขี่ในลักษณะรถกระบะที่เป็นแบบ 4 ประตู ยกสูงแล้วนั้นถือว่าเชฟโรเลตทำการบ้านมาได้ค่อนข้างดีให้ความมั่นใจในการขับขี่ได้ดีบนถนนทางปกติ
มาถึงช่วงเส้นทางที่เป็นแบบออฟโรดให้ได้ลองกันระยะทางไม่ยาวมากนักราวๆ 12 กม. ที่ตลอดเส้นทางมีลำห้วยความลึกระดับ 50-60 ซม. อยู่หลายจุด และทางดินซึ่งเป็นหลุมเป็นบ่อแถมโคลนให้ได้วัดสมรรถนะของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบเล็กๆ รวมถึงให้ได้ลองใช้ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) ซึ่งก็สามารถผ่านไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
ไฮไลต์สำคัญของการเดินทางในครั้งนี้ที่ “บ้าน ช.ช้างชรา” กับภารกิจหาอาหารให้ช้างชราที่มีอายุมากถึง 60 ปีขึ้นไปที่ด้อยโอกาส บาดเจ็บ ช้างเร่ร่อน แต่อย่างไรช้างก็คือ ช้าง เพราะความต้องการอาหารของช้างแต่ละเชือกอยู่ในระดับประมาณ 10% ของน้ำหนักตัว ซึ่ง “เชฟโรเลต โคโรลาโด ใหม่” คันที่ลองขับนี้ถึงแม้จะเป็น 4 ประตู แต่ก็สามารถแบกน้ำหนักบรรทุกได้กว่า 900 กก. ซึ่งงานนี้น่าจะพอทำให้ช้างชราอิ่มท้องได้อยู่บ้าง ทำให้ได้รับรู้ว่าแรงบิด 500 นิวตันเมตร สามารถเป็นแรงฉุดอันมหาศาลบนทางลาดชันในการบรรทุกได้ดีกว่าการทำความเร็ว
ด้านระบบความปลอดภัยในเจ้ารถกระบะคันนี้ก็มีมาให้ไม่น้อยเลยทีเดียว อาทิ ระบบกระจายแรงเบรกด้วยวงจรไฟฟ้า ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ระบบไฮดรอลิกช่วยเบรก ระบบควบคุมเบรกขณะเข้าโค้ง
ด้านการออกแบบภายนอกยังคงความเป็นเอกลักษณ์ แข็งแกร่งดุดัน ไม่แตกต่างจากเดิมเท่าไรนัก แต่สำหรับภายในค่อนข้างโดดเด่นกับความใหม่ในการออกแบบอย่างระบบแอร์ดิจิตอลออกแบบเป็นรูปวงกลม หน้าจอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบนำทางเนวิเกชั่น ลำโพงชุด 9 ตัว พร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์ “มายลิงก์” ที่สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อเปิดฟังวิทยุออนไลน์ได้ทั่วโลก
“เชฟโรเลต โคโรลาโด ใหม่” ยังมีสีตัวถังเพิ่มขึ้นมาใหม่อีก 1 สี ในชื่อว่า “ออเรนจ์ ร็อก” ให้ได้เลือกมากขึ้น โดยราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ 5.7-9.98 แสนบาท


