ชีสิตพลาดเป้าเพราะตั้งเป้าหมายผิด
ปี 2556 กำลังจะผ่านไปในอีกไม่กี่วัน และก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับการวางแผนทางการเงิน คือ การตั้งเป้าหมายทางการเงินสำหรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง
โดย...สวลี ตันกุลรัตน์
ปี 2556 กำลังจะผ่านไปในอีกไม่กี่วัน และก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับการวางแผนทางการเงิน คือ การตั้งเป้าหมายทางการเงินสำหรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง
เหมือนกับปีที่ผ่านมาที่หลายคนตั้งเป้าหมายว่าปีนี้จะทำนั่นจะทำนี่ แต่มาถึงตอนนี้หลายอย่างก็ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
เคยสงสัยไหมว่า เพราะอะไร หรือทำไม เราถึงไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้สักที ทั้งๆ ที่เมื่อปลายปีที่แล้วตั้งใจไว้อย่างดี... นั่นสินะ
เมื่อสงสัยก็ต้องไปหาคำตอบจากบรรดากูรูทางด้านการวางแผนทางการเงินหลายๆ คน จากหลายๆ แหล่ง เพื่อรวบรวม “ความผิดพลาด”ในการตั้งเป้าหมาย เพราะบางทีสาเหตุที่ทำให้เราพลาดเป้า มันอาจจะเป็นเพราะเราตั้งเป้าหมายผิดพลาดก็ได้
1.เป้าหมายไม่ SMART
ก่อนจะไปดูว่า เป้าหมายของเราไม่ SMART อย่างไร ต้องรู้ก่อนว่า แล้วเป้าหมายที่ SMART เป็นแบบไหน
การตั้งเป้าหมายที่ดีประกอบด้วยหลัก 5 ข้อ คือ ชัดเจน วัดผลได้ ทำให้สำเร็จได้ มีความเป็นไปได้ และมีกรอบเวลาแน่นอน ซึ่งเขียนเป็นคำภาษาอังกฤษได้ว่า S.M.A.R.T.
S : Specific ต้องกำหนดอย่างชัดเจน ไม่คลุมเครือ เพื่อให้รู้ว่าเราต้องการอะไร และจะบรรลุเป้าหมายตอนไหน
M : Measurable สามารถวัดผลเป็นตัวเงิน หรือตัวเลขได้อย่างชัดเจน เพราะจะทำให้เราสามารถติดตามความก้าวหน้าและบอกได้ว่า อีกไกลแค่ไหนกว่าจะไปถึงเป้าหมาย
A : Achievable สามารถทำให้สำเร็จได้ โดยรู้วิธีการที่จะนำไปสู่เป้าหมาย และมีความรับผิดชอบที่จะทำเป้าหมายนั้นให้สำเร็จ
R : Realistic จะต้องเป็นเป้าหมายที่เป็นไปได้ มีความสมเหตุสมผล สอดคล้องกับความเป็นจริงในชีวิตเรา
T : Time Bound มีกรอบเวลาที่ชัดเจนว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนที่จะบรรลุเป้าหมาย
เพราะฉะนั้นถ้าเป้าหมายที่เราตั้งไว้เมื่อปีก่อนไม่ได้เข้าหลักการครบทั้ง 5 ข้อนี้ ก็น่าจะเป็นการตั้งเป้าหมายที่ผิดพลาด
ตัวอย่างเช่น เราตั้งเป้าหมายแค่ว่า “ปีนี้จะเก็บเงินเพื่อไปเที่ยวต่างประเทศ” ก็ถือเป็นเป้าหมายที่ผิดพลาด เพราะยังไม่ SMART
ถ้าจะให้ SMART ต้องตั้งเป้าหมายใหม่ว่า ปีนี้เราจะเก็บเงินเพื่อไปเที่ยวต่างประเทศ (S) จำนวน 1.2 แสนบาท (M) โดยจะเก็บเงิน (A) เดือนละ 5,000 บาท (R) เป็นเวลา24 เดือน (T)
2.ไม่เขียนเป้าหมาย
แม้ว่าจะมีเป้าหมายที่ SMART แล้ว แต่ก็เก็บเป้าหมายอันนั้นไว้ในใจ ในที่สุดเป้าหมายนั้นก็จะอยู่ในใจ แต่ไม่กลายเป็นจริง เพราะเคล็ดลับที่สำคัญอย่างหนึ่งในการทำให้เป้าหมายเป็นจริง คือ การเขียนเป้าหมายลงในกระดาษ (หรือบางคนบอกว่าเขียนในกระดาษมันไม่ทันสมัยจะเขียนไว้ในสมาร์ทโฟนก็ไม่ว่ากัน)
การได้ลงมือเขียนเป้าหมายลงในกระดาษ (แม้ว่าเราจะจำได้ขึ้นใจแล้วก็ตาม) จะทำให้เป้าหมายนั้นแปรสภาพจากความฝันมาเป็นสิ่งที่จับต้องได้และทำให้ประสบความสำเร็จได้มากกว่าเป้าหมายที่ไม่เคยถูกเขียนออกมา
ไม่เชื่อลองไปอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับการพัฒนาตัวเองแทบทุกเล่มจะต้องเริ่มจากการเขียนเป้าหมายชีวิตลงในกระดาษแทบทั้งนั้น
เพราะฉะนั้นถ้าเป้าหมายในปีที่แล้วยังเป็นแค่ความฝัน ก็อาจจะเป็นเพราะเราไม่ได้เขียนมันลงในกระดาษ
3.ไม่มีระบบให้จดจำ
หลังจากเขียนเป้าหมายลงในกระดาษ (หรือในสมาร์ทโฟน) แต่ถ้าไม่เคยหยิบขึ้นมาดูอีกเลยตลอดปีที่กำลังจะผ่านไป ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราไม่บรรลุเป้าหมาย เพราะเมื่อเขียนเสร็จสิ่งที่เราเขียนลงไปมันจะอยู่กับเราไม่กี่วัน หลังจากนั้นเราก็จะลืม
เพราะฉะนั้นเคล็ดลับอีกข้อหนึ่ง คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้เราจำมันได้ ทำอย่างไรก็ได้ให้เราได้มองเป็นเป้าหมายของเราทุกวัน
วิธีหนึ่งที่ทำให้เราจำเป้าหมายของเราได้ คือ นำกระดาษที่เราเขียนเป้าหมายลงไปมาแปะไว้ในที่ที่เราจะมองเห็นมันได้เป็นประจำ เช่น แปะไว้ที่ประตูหน้าบ้านจะได้มองเห็นทุกครั้งที่จะก้าวเท้าออกจากบ้าน
แปะไว้ที่กระจกห้องน้ำเพื่อให้เราได้มองเห็นทุกครั้งที่แปรงฟัน
แปะไว้ที่หน้าตู้เย็นเพื่อให้เราเห็นทุกครั้งที่เปิดตู้เย็น
แปะไว้ที่หน้าคอมพิวเตอร์เพื่อให้เราได้เห็นทุกครั้งที่ทำงาน
4.ไม่ทบทวนเป้าหมายที่ตั้งไว้
เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง สถานการณ์แวดล้อมอาจจะเปลี่ยนไป ความคิดความเห็นของเราอาจจะเปลี่ยนไป เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำคือ ทบทวนเป้าหมายที่ตั้งไว้เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในชีวิตจริงมากที่สุด
นอกจากนี้ การนำเป้าหมายที่ตั้งไว้มาทบทวน ยังช่วยให้เราปรับปรุงเป้าหมายให้ SMART มากขึ้น
5.ไม่ได้ “อิน” กับเป้าหมายที่ตั้งไว้
บางทีเป้าหมายที่เราตั้งไว้มันก็อาจจะเป็นแค่ “เป้าหมายเท่ๆ”ที่เราไม่ได้รู้สึกอยากจะบรรลุเป้าหมายนั้นอย่างจริงจังก็ได้ ทำให้เราไม่มุ่งมั่นตั้งใจมากพอที่จะเดินหน้าไปสู่เป้าหมายที่วางไว้
เพราะฉะนั้นก่อนจะตั้งเป้าหมายให้ถามตัวเราเองก่อนว่า เราต้องการจะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้มากแค่ไหน และถ้าต้องการจะให้บรรลุเป้าหมาย มันจะต้องเป็นเป้าหมายที่เรา “อิน” กับมันจริงๆ
เมื่อเป็นเป้าหมายที่เราต้องการจะทำให้ประสบความสำเร็จจริงๆ เราจะมุ่งมั่นกับเป้าหมายนั้นให้มากพอ
6.ไม่มีแผนที่จะนำไปสู่เป้าหมาย
เมื่อมีเป้าหมายชัดเจน เราก็ต้องมีแผนที่จะนำเราไปสู่เป้าหมาย เพราะถ้าจะปล่อยให้โชคชะตาพาไปเพียงอย่างเดียวคงจะไม่ได้
สำหรับตัวอย่างในเรื่องนี้มักจะถูกนำมาเปรียบเทียบกับการเดินทางไปยังจุดหมายที่เราตั้งไว้ ก็จะต้องมี “แผนที่” เพื่อบอกว่า เราจะไปถึงจุดหมายนั้นได้อย่างไร เดินทางด้วยวิธีการใด
นั่นคือ ต้องมี MAP หรือ Massive Action Plan เพื่อจะบอกว่า เราต้องทำอะไรบ้างเพื่อทำให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ และแน่นอนว่าคงไม่ได้ทำเพียงแค่หนึ่งหรือสองอย่างแล้วจะบรรลุเป้าหมาย แต่ต้องลงมือลงแรงอย่างต่อเนื่อง
สำหรับ Action Plan ของเราอาจจะเป็น “เป้าหมายระยะสั้น” หลายๆ เป้าหมายประกอบเข้าด้วยกันจนนำไปสู่เป้าหมายระยะยาวซึ่งเป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุด
7.ไม่เรียนรู้จากความผิดพลาด
ไม่ว่ากี่ปีที่ผ่านมาเราก็ไม่เคยบรรลุเป้าหมายได้อย่างที่ตั้งใจสักครั้ง บางทีมันอาจจะเป็นเพราะเราไม่รู้ตัวเลยว่า เป้าหมายที่เราตั้งไว้นั้นผิดพลาด หรือวิธีการที่เราจะเดินไปสู่เป้าหมายนั้นมันผิดพลาด
เพราะฉะนั้นเราจำเป็นต้องเรียนรู้จากความผิดพลาด เพื่อไม่ทำให้เป้าหมายในปีนี้ผิดพลาดได้อีก
8.หวังจะบรรลุเป้าหมายเร็วเกินไป
หลายคนใจร้อนเกินไปกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ อยากจะเห็นผลสำเร็จในระยะเวลาที่สั้นเกินไป ทำให้เมื่อถึงเวลาที่กำหนดไว้ก็อาจจะทำให้ยังทำไม่ได้อย่างที่ตั้งใจ
ตัวอย่างเดิม คือ การเก็บเงินไปเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 24 เดือน เพื่อเก็บให้ได้ 1.2 แสนบาท แต่สำหรับคนใจร้อนก็ร่นระยะเวลามาเป็นแค่ 12 เดือน ทำให้ต้องเก็บเงินเพิ่มเป็น 1 หมื่นบาทในแต่ละเดือน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อชีวิตในด้านอื่นๆ
เพราะฉะนั้นอย่าใจร้อนเกินไป
9.เป้าหมายยากเกินไป
จริงอยู่ว่า คนเราจะต้อง “ฝันให้ไกล” และต้องไปให้ถึง แต่อย่าลืมประเมินศักยภาพภาพของตัวเองด้วยว่า เป้าหมายที่ตั้งไว้นั้นยากเกินไปหรือไม่ เพราะเป้าหมายที่ยากจนมองไม่เห็นโอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็สามารถบั่นทอนกำลังใจในการเดินไปสู่เป้าหมายได้เช่นเดียวกัน
10.มีหลายเป้าหมายเกินไป
ในชีวิตเราไม่จำเป็นต้องมีเพียงหนึ่งเป้าหมายแต่เราสามารถมีหลายเป้าหมายได้ในเวลาเดียวกัน แต่ต้องเป็นเป้าหมายที่สอดคล้องกัน เพราะถ้าตั้งเป้าหมายหลายอย่างที่ไม่ได้สอดคล้อง ไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกัน ก็ไม่ต่างอะไรกับการจับปลาหลายมือ และในที่สุดก็ไม่ได้ปลาแม้แต่ตัวเดียว
ในขณะที่การตั้งเป้าหมายที่พุ่งตรงไปในทิศทางเดียวกันและทุ่มเทสรรพกำลังลงไปอย่างเต็มที่น่าจะทำให้บรรลุเป้าหมายได้มากกว่า
11.เป้าหมายธรรมดาเกินไป
ในขณะที่คนหนึ่งตั้งเป้าหมายที่ท้าทายความสามารถจนเกินไปจนทำให้ไม่บรรลุเป้าหมาย อีกคนหนึ่งที่กลับมีเป้าหมายแบบธรรมดาๆ ไม่มีคุณค่า ไม่มีความหมายต่อชีวิตก็อาจจะเดินไปไม่ถึงเป้าหมายได้เช่นเดียวกัน
เพราะเมื่อมีเป้าหมายที่ง่ายและเห็นอยู่ว่า ประสบความสำเร็จได้ไม่ยากก็อาจจะไม่กระตือรือร้นที่จะเดินตามเป้าหมาย และอาจจะหยุดที่จะก้าวต่อไปเมื่อเป้าหมายธรรมดาๆ นั้นประสบความสำเร็จแล้ว
12.ท้อถอยเมื่อพบอุปสรรค
ไม่มีเส้นสู่เป้าหมายใดที่ราบรื่นไร้คลื่นลม เพราะฉะนั้นมั่นใจได้เลยว่าระหว่างทางที่จะไปถึงเป้าหมายนั้นจะต้องมีอุปสรรครออยู่อย่างแน่นอน บางเป้าหมายอาจจะมีอุปสรรคเล็กๆ น้อยๆที่ก้าวข้ามไปได้ไม่ยาก แต่ในบางเป้าหมายอุปสรรคอาจจะใหญ่เกินกว่าที่คาดไว้
และสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราไปไม่ถึงเป้าหมาย คือ ท้อถอยเมื่อเจอกับอุปสรรค
13.พยายามจะทำคนเดียว
หลายคนคิดว่า เป้าหมายที่ตั้งไว้เป็นเป้าหมายของเขาเพียงคนเดียว เพราะฉะนั้นจึงไม่อยากจะเปิดเผยให้คนอื่นรับรู้ และบางคนอาจจะไม่กล้าที่จะบอกใครๆ ถึงเป้าหมายใหญ่ที่เขามีอยู่
แต่ถ้าคิดจะประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ก็อย่าอายที่จะประกาศเป้าหมายให้คนอื่นๆ ได้รับรู้ โดยเฉพาะคนรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว เพื่อน โดยเฉพาะคนที่มีเป้าหมายร่วมกัน คนที่เป้าหมายคล้ายๆ กัน เพราะคนเหล่านี้จะช่วยเป็นกำลังใจที่จะนำเราไปถึงเป้าหมาย
เพราะฉะนั้นมีเป้าหมายแล้วอย่าอุบเงียบไว้คนเดียว เพราะมันอาจจะทำให้ไม่สามารถเดินไปถึงเป้าหมายได้
14.ไม่ลงมือทำ
ความผิดพลาดข้อสุดท้าย และเป็นความผิดพลาดที่ร้ายแรงกว่าทุกข้อที่ผ่านมา คือ มีเป้าหมายแล้ว แต่ไม่ลงมือทำ
เมื่อไม่ลงมือทำก็ไม่มีวันที่จะบรรลุเป้าหมายไปได้ เพราะฉะนั้นปีใหม่นี้ขอแค่หยิบเป้าหมายที่ล้มเหลวจากปีก่อนๆ ขึ้นมาปัดฝุ่นปรับปรุงให้เป็นเป้าหมายที่ดี แล้วก็ลงมือทำ...ก็พอแล้ว


