posttoday

Co-Culture เลี้ยงสัตว์น้ำ 3 in 1

15 ธันวาคม 2556

ธุรกิจติดดาวสัปดาห์นี้ จะพาไปเยี่ยมชมความสำเร็จของ ชวลิตฟาร์ม ฟาร์มเลี้ยงสัตว์น้ำ

โดย...ทีมข่าวธุรกิจติดดาว

ธุรกิจติดดาวสัปดาห์นี้ จะพาไปเยี่ยมชมความสำเร็จของ ชวลิตฟาร์ม ฟาร์มเลี้ยงสัตว์น้ำ ที่ ต.โพหัก อ.บางแพ จ.ราชบุรี เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำ ที่หันมาใช้วิธีการเลี้ยงแบบใหม่ในการเลี้ยงสัตว์น้ำ ทั้งปลาทับทิม กุ้งขาว และกุ้งก้ามกราม ให้อยู่ในบ่อเดียวกัน ด้วยระบบ CoCulture

ชวลิต สอนไข่ เจ้าของชวลิตฟาร์ม เล่าถึงความสำเร็จของการนำระบบ CoCulture มาพัฒนาเลี้ยงสัตว์น้ำ ว่า ปี 2534 หันมาทำอาชีพเลี้ยงกุ้งก้ามกราม ใช้สายพันธุ์เดิม และวิธีการเลี้ยงแบบเดิมๆ คือผสมอาหารให้กับกุ้งเอง โดยใช้เนื้อปลาสดนำมาผสมกับหัวอาหาร ปรากฏว่า กุ้งที่เลี้ยงติดโรคระบาดและโตได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากเนื้อปลาที่ผสมบางส่วนมีเชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อกุ้งก้ามกราม ทำให้เกิดโรคระบาดในฟาร์ม

Co-Culture เลี้ยงสัตว์น้ำ 3 in 1

 

จนกระทั่งปี 2543 บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือ ซีพีเอฟ ได้เข้ามาแนะนำลูกกุ้งสายพันธุ์พิเศษ พร้อมทั้งมีเจ้าหน้าที่ของซีพีเอฟเข้ามาช่วยดูแลให้คำแนะนำ พบว่า กุ้งโตเร็ว ไม่มีโรคระบาด สามารถจับขายได้ 100% ที่สำคัญ สร้างรายได้เพิ่มขึ้น ทดลองเลี้ยงทั้งฟาร์มในพื้นที่ 20 ไร่ เรียกว่าประสบความสำเร็จทั้งรายได้และคุณภาพของกุ้ง

การพัฒนาและดูแลเกษตรกรของเจ้าหน้าที่ซีพีเอฟ ยังมีการคิดค้นนำระบบ CoCulture ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ของการเลี้ยงสัตว์น้ำ 3 ชนิดร่วมกัน ทั้งปลาทับทิม กุ้งก้ามกราม และกุ้งขาว โดยใช้บ่อเลี้ยงขนาด 4 ไร่ วางกระชังสำหรับเลี้ยงปลาทับทิมจำนวน 6 กระชัง เลี้ยงปลาได้ 4,000 ตัว ส่วนกุ้งก้ามกรามปล่อย 10,500 ตัว และกุ้งขาว 2 แสนตัว สรุปคือ ใน 1 บ่อ เกษตรกรสามารถเลี้ยงปลาและกุ้งร่วมกันได้

เมื่อเห็นความสำเร็จขนาดนี้ จึงลงทุนขยายพื้นที่การเลี้ยงสัตว์น้ำ จนถึงปัจจุบันมีพื้นที่ทั้งหมด 171 ไร่ มีบ่อเลี้ยงทั้งหมด 22 บ่อ แต่ละบ่อนั้นสามารถสร้างรายได้ให้ชวลิตฟาร์มสูงถึงหลักล้านบาทต่อปีเลยทีเดียว

Co-Culture เลี้ยงสัตว์น้ำ 3 in 1

 

จักรกฤษณ์ วีระนาคินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ จากซีพีเอฟ เล่าถึงความสำเร็จของระบบ CoCulture ที่นำมาพัฒนาและส่งเสริมให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำ ว่า ระบบนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ได้ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจแล้ว ยังเป็นการนำระบบธรรมชาติของสัตว์น้ำ ทั้งปลาทับทิม กุ้งก้ามกราม และกุ้งขาว มาเลี้ยงร่วมกัน เพื่อให้สัตว์น้ำแต่ละชนิดช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกัน โดยปลาทับทิมที่อยู่ในกระชังเมื่อมีการตีน้ำก็จะช่วยเพิ่มออกซิเจน ทำให้คุณภาพน้ำดีขึ้น ส่งผลให้กุ้งซึ่งอาศัยอยู่ใต้บ่อก็สามารถเจริญเติบโตได้ดียิ่งขึ้น เปรียบเหมือนการช่วยเหลือซึ่งกันและกันของปลาและกุ้ง

วิธีการเลี้ยงระบบนี้ ถือเป็นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด เนื่องจากการเลี้ยงปลาทับทิมในกระชังแขวนในบ่อนั้นจะเหลือพื้นที่บริเวณพื้นบ่อสำหรับเลี้ยงสัตว์น้ำอื่นๆ เมื่อเลี้ยงกุ้งร่วมด้วยก็เท่ากับได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่เลี้ยงอย่างเต็มที่

Co-Culture เลี้ยงสัตว์น้ำ 3 in 1

 

อีกทั้งเมื่อนำเทคโนโลยีการเลี้ยงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการเลี้ยงแบบโปรไบโอติกฟาร์มมิ่ง ซึ่งโปรไบโอติกส์ (Probiotics) คือแบคทีเรียในสภาพที่ยังมีชีวิตอยู่ในรูปที่เป็นอาหาร หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เมื่อรับประทานด้วยปริมาณที่พอเหมาะจะช่วยส่งเสริมสุขภาพ เมื่อนำมาปรับใช้กับสัตว์น้ำด้วยการใช้จุลินทรีย์ที่เป็นมิตรต่อกุ้งจะช่วยทำให้น้ำที่เลี้ยงมีคุณภาพ ช่วยให้ปลาที่เลี้ยงมีสุขภาพแข็งแรง กุ้งที่เลี้ยงก็โตดี สัตว์น้ำที่ผลิตได้จากเทคโนโลยีนี้ จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมต่อการบริโภค เพราะจะทำให้ได้ปลาที่มีลักษณะเนื้อแน่น ไม่มีกลิ่นคาว ส่วนกุ้งที่ได้ก็จะตัวโตรสชาติหวานอร่อย ที่สำคัญยังปราศจากสารตกค้างและเชื้อปนเปื้อน ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคที่รักสุขภาพอย่างแท้จริง

การพัฒนาระบบการเลี้ยงสัตว์น้ำครั้งนี้ ถือเป็นหัวใจหลักสำคัญที่ช่วยพัฒนาระบบการเลี้ยงสัตว์น้ำของไทยให้พัฒนาและได้ผลผลิตที่มีประสิทธิภาพ ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีเพื่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด เป็นอีกหนึ่งความตั้งใจที่จะช่วยผลักดันความสำเร็จของเกษตรกรไทยมาสู่ผู้บริโภคให้ได้รับอาหารปลอดภัย

Co-Culture เลี้ยงสัตว์น้ำ 3 in 1

Co-Culture เลี้ยงสัตว์น้ำ 3 in 1

Co-Culture เลี้ยงสัตว์น้ำ 3 in 1

Co-Culture เลี้ยงสัตว์น้ำ 3 in 1

Co-Culture เลี้ยงสัตว์น้ำ 3 in 1

 

ข่าวล่าสุด

งานเข้า! EU สอบสวน Google ข้อหาผูกขาดเนื้อหาให้กับ AI ของบริษัท