หนังไทยซบ‘จีทีเอช’หวังปีหน้าฟื้น
ชี้ปัจจัยลบรุมเร้าคุณภาพยังไม่แน่นปีหน้าเข้าฉายเพิ่ม
ชี้ปัจจัยลบรุมเร้าคุณภาพยังไม่แน่นปีหน้าเข้าฉายเพิ่ม
หนังไทยซบเซาพิษเศรษฐกิจการเมืองรุม จีทีเอชลุ้นปัจจัยบวกปีหน้ากระตุ้นตลาดหนังโต 10-20%
นายวิสูตร พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จีทีเอช เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมหนังไทยในปีนี้ยังคงมีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัว โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 1,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2555 ที่มีมูลค่า 1,080 ล้านบาท เนื่องจากมีหนังส่วนหนึ่งเลื่อนการฉายออกไปเป็นปีหน้า ส่งผลให้ปีนี้มีหนังไทยเข้าฉายในโรงภาพยนตร์เพียง 34 เรื่องเท่านั้นจากเดิมคาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 50 เรื่อง
ทั้งนี้ การเติบโตดังกล่าวถือว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกับภาพรวมอุตสาหกรรมหนังในปีนี้ที่คาดว่าจะมีมูลค่าใกล้เคียงกับปีก่อน คือ 4,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 1020%
นอกจากนี้ การที่หนังไทยบางเรื่องทำรายได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และการสร้างหนังไทยยังไม่มีคุณภาพที่ดีพอเมื่อเทียบกับหนังฮอลลีวู้ดหรือหนังเกาหลี จึงทำให้หนังไทยยังไม่มีฐานลูกค้าเหมือนกับหนังฮอลลีวู้ดและหนังเกาหลี และไม่สามารถคาดหมายรายได้ได้ ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ภาพรวมตลาดหนังไทยไม่เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้
“ยิ่งไตรมาส 4 ปีนี้ ประเทศไทยมีปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง ทำให้คนไม่มีอารมณ์ดูหนัง” นายวิสูตร กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากการที่ปีหน้าจะมีหนังไทยและหนังต่างประเทศเข้าฉายเพิ่มขึ้น ซึ่งในส่วนของหนังไทยคาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 50 เรื่อง หนึ่งในนั้นที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นภาพรวมหนังไทย คือ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จึงเชื่อว่าภาพรวมอุตสาหกรรมหนังปีหน้าจะกลับมาเติบโตได้ที่ 10-20%
ขณะที่ภาพรวมปี 2558 คาดว่าจะเป็นปีทองของอุตสาหกรรมหนังที่อาจเติบโตสูงถึง 30-50% เนื่องจากมีหนังฟอร์มยักษ์ต่างประเทศเข้าฉายหลายเรื่อง เช่น อวตาร ทรานส์ฟอร์มเมอร์ส และดิ อเวนเจอร์ส
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีหน้า มีแผนจะสร้างหนังไทยเข้าฉาย 3 เรื่อง ภายใต้งบลงทุนเรื่องละประมาณ 30 ล้านบาท ประกอบด้วยเรื่อง คิดถึงวิทยา ซึ่งจะเป็นหนังรักโรแมนติก คอมมิดี้ เรื่อง เดอะ สวิมเมอร์ หนังผีสยองขวัญ และอีก 1 เรื่องเป็นหนังตลก
พร้อมกันนี้ ยังมีแผนเปิดตัวช็อปจีทีเอช ซึ่งเป็นร้านโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์เพิ่มอีก 2 สาขา จากปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 3 สาขา โดยสินค้าที่นำมาจำหน่ายในร้านดังกล่าวจะเน้นไปที่ วีซีดี ดีวีดีหนังของจีทีเอช และกลุ่มสินค้าอื่นๆ ที่ผลิตออกมาตามหนังแต่ละเรื่องที่เข้าฉาย โดยปัจจุบันช็อปจีทีเอชสร้างรายได้สัดส่วน 10% ของกลุ่มธุรกิจหนัง
นายวิสูตร กล่าวอีกว่า ธุรกิจเคเบิลทีวีและธุรกิจฟรีทีวีถือเป็นอีก 2 ธุรกิจที่จะให้ความสำคัญในการขยายช่องทางการทำตลาดธุรกิจหนัง ซึ่งหลังจากบริษัทเดินหน้าขยายธุรกิจต่อเนื่อง คาดว่าปีหน้าจะมีรายได้เติบโตมากขึ้น จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้รวม 1,100 ล้านบาท เนื่องจากหนังเรื่องพี่มากพระโขนง ได้ผลตอบรับดีเกินคาด


