posttoday

6 ที่สุดใน "ฮานอย"ประสบการณ์ชวนตะลึง

08 พฤศจิกายน 2556

เมืองฮานอยถือเป็นเมืองเก่าแก่ที่รวบรวมทั้งศิลปวัฒนธรรมและความเจริญของเวียดนามเข้าไว้ด้วยกัน และมีเรื่องราวอันเป็น “ที่สุด” รวมไว้อยู่มากมาย รอให้คุณไปเห็นด้วยตา

โดย...ตะวัน หวังเจริญวงศ์

เมืองฮานอยถือเป็นเมืองเก่าแก่ที่รวบรวมทั้งศิลปวัฒนธรรมและความเจริญของเวียดนามเข้าไว้ด้วยกัน และมีเรื่องราวอันเป็น “ที่สุด” รวมไว้อยู่มากมาย รอให้คุณไปเห็นด้วยตา

1.ตื่นเต้นที่สุด การข้ามถนน กฎในการข้ามถนนของที่นี่ คือ “ข้ามแล้ว อย่าได้หยุด” จะแยกเล็ก แยกใหญ่ ถนนกว้าง ถนนแคบ อย่าได้กลัว รถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ที่นี่มีหน้าที่ “หลบ” ให้คนข้าม ย้ำอีกครั้งว่า “หลบ” ไม่ใช่ “หยุด” เมื่อผู้ขับขี่เห็นคุณ เขาจะปาดซ้าย เบี่ยงขวา หาทางไปที่ไม่ชนคุณให้เอง ดังนั้น หากคุณหยุดเดินกลางทาง นั่นแหละที่จะทำให้เขาเสียจังหวะและอาจขับชนคุณแบบไม่ได้ตั้งใจ

ฮานอยนั้นถือเป็นเมืองที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นหัดข้ามถนนในเวียดนาม เนื่องจากจำกัดความเร็วของรถไว้ที่ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น แถมคนที่นี่ปฏิบัติตามกฎจราจรกันอย่างจริงจัง เพราะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ผู้ฝ่าฝืนที่ขับเร็วเกินอัตราดังกล่าว มีโทษปรับไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นบาท ผู้ขับขี่ในฮานอยจึงไม่มีนักซิ่ง นักแว้น ปลอดภัยแก่คนข้าม ใครที่ชอบความท้าทาย แค่ข้ามถนนก็หวาดเสียวแล้ว

2.เมื่อยที่สุด นั่งกินอาหาร หากจะไปนั่งทานอาหาร หลายคนมักคาดหวังเก้าอี้นวมนิ่มๆ ตัวใหญ่ๆ เพียงทิ้งตัวลงไปก็รู้สึกเบาสบาย ได้ผ่อนคลายทุกอิริยาบถ แต่เก้าอี้แบบที่ว่าดูจะหาได้ยากเหลือเกินในเมืองฮานอย ไม่ว่าจะร้านน้ำ ร้านอาหาร ทั้งกินเล่นและกินจริงจัง ล้วนแล้วแต่นิยมเตรียมโต๊ะตัวเล็ก พร้อมเก้าอี้ไม้หรือเก้าอี้พลาสติกตัวน้อย คอยบริการลูกค้า

เทรนด์ดังกล่าวนั้น แม้แต่คนเวียดนามเองก็ไม่แน่ใจว่ามาจากไหน แต่หากไปร้านไหนแล้วเจอเก้าอี้ตัวใหญ่ คนเวียดนามจะพูดทันทีว่า “เมื้อดเก๋” แปลว่า ยืมเก้าอี้ตัวเล็กหน่อย แต่แหม ถ้าไม่เคยนั่งเก้าอี้จิ๋วแบบนี้ แล้วไปนั่งนานๆ รับรองว่า “เมื่อยแน่ๆ”

3.น่าช็อปที่สุด 36 Hang ที่กรุงฮานอยมีย่านเก่าแก่เป็นย่านรวมมิตรสินค้าอยู่บนถนนต่างๆ รวม 36 ถนน แต่ละถนนมีชื่อขึ้นต้นว่า “Hang” หรือ “ห่าง” เป็นภาษาเวียดนาม แปลว่า “ของ” แล้วมีคำตามหลังอีก 1 คำเป็นชื่อสินค้านั้นๆ เช่น ถนนที่ขายเสื่อ จะมีชื่อถนนว่า ห่างเฉียว

เมื่อเดินไปบนถนนที่มีชื่อต่างๆ จะพบว่าแต่ละถนนก็ขายแต่ของตามชื่อถนนจริงๆ จึงสะดวกแก่นักช็อปให้สามารถหาซื้อสินค้าแบบเจาะจงได้ตามชอบใจโดยไม่ต้องเดินไกล การรวมตัวของย่านสินค้าลักษณะนี้ มีเพียง 2 แห่งในเวียดนามเท่านั้น คือ ฮานอยและนัมดิง ดังนั้น ถ้ามาถึงฮานอยแล้ว ห้ามพลาดที่นี่เด็ดขาด

4.ชิลที่สุด นั่งสามล้อรอบเมือง บริเวณใกล้ถนนขายของ 36 อย่าง ในเมืองฮานอย มีรถโดยสารสาธารณะหลายรูปแบบ แต่รูปแบบที่ดูเข้ากับนักท่องเที่ยวที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้น “รถสามล้อ”

ลักษณะเด่นของสามล้อในฮานอยคือไม่มีเครื่องยนต์ ใช้แรงคนถีบล้วนๆ อีกทั้งที่นั่งของผู้โดยสารก็อยู่ด้านหน้า ที่นั่งคนขับกลับอยู่ด้านหลัง

มัคคุเทศก์ชาวเวียดนาม เล่าว่า ในอดีตนั้นสามล้อในฮานอยเคยให้คนขับนั่งด้านหน้าเช่นเดียวกับสามล้อไทย แต่เมื่อเวียดนามตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ชาวฝรั่งเศสต้องการที่จะนั่งหน้ามากกว่า จึงมีการปรับแบบสามล้อใหม่ให้ผู้โดยสารนั่งหน้าแทน

ดังนั้น ผู้โดยสารสามล้อในฮานอย จึงสามารถเห็นทัศนียภาพด้านหน้าและรอบข้างอย่างเด่นชัดระหว่างโดยสาร สำหรับสามล้อในฮานอยจะขับพาชมรอบถนนขายของ 36 อย่าง รวมเวลาเกือบ 1 ชั่วโมง หากได้นั่งไปถ่ายรูปไป ย่อมรู้สึกชิลเกินบรรยาย

5.เล็กที่สุด ร้านแผงลอย เรามักเคยชินกับร้านขายของบนทางเท้าที่เป็นแผงขนาดใหญ่ เห็นป้ายร้านโดดเด่นแม้อยู่ห่างไปเป็นสิบเมตร ถ้าเป็นร้านอาหารก็มีโต๊ะ เก้าอี้ วางเรียงรายหลายโต๊ะ แต่ที่เวียดนาม ร้านเหล่านี้มีขนาด “กะทัดรัด” เป็นแผงลอยขนาดเล็กที่มีความยาวและความสูงไม่ถึงครึ่งของแผงลอยไทย ขนย้ายง่าย เก็บง่าย จะมาจะไปก็สบาย โต๊ะและเก้าอี้ก็เป็นไซส์เล็ก ให้ถูกจริตคนฮานอย

6.แพงที่สุด ค่าเช่าห้องแถว มัคคุเทศก์ชาวเวียดนาม เล่าว่า บ้านในกรุงฮานอยขณะนี้ราคาแพงกว่าที่กรุงเทพฯ ประมาณ 4 เท่า ร้านค้าจึงกลายเป็นร้านเช่ามากกว่าร้านที่ซื้อขาด ราคาค่าเช่าเฉพาะพื้นที่ขายของชั้นล่างชั้นเดียว สูงถึง 5,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 1.55 แสนบาทต่อเดือน

และทั้งหมดนี้ คือ 6 ที่สุดของเมืองฮานอย หากมีโอกาส อย่าลืมไปสัมผัสความเป็นที่สุดนี้ด้วยตัวของคุณเอง!

ข่าวล่าสุด

อีลอน มัสก์ สร้างสถิติเป็นคนแรกของโลกที่รวยเกิน 700,000 ล้านดอลลาร์