หน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ค้ำประกัน
มีท่านผู้อ่านสอบถามมาเกี่ยวกับเรื่องสิทธิ หน้าที่ ความรับผิด ของผู้รับประกันมีอะไรบ้าง เพราะหลายท่านไปค้ำประกันบุคคลในครอบครัว คนใกล้ชิด เพื่อนฝูง ลูกจ้าง ลูกน้อง นายจ้าง สารพัดจะค้ำประกัน ทำให้ตัวเองอยู่ในภาวะที่ยากลำบาก
มีท่านผู้อ่านสอบถามมาเกี่ยวกับเรื่องสิทธิ หน้าที่ ความรับผิด ของผู้รับประกันมีอะไรบ้าง เพราะหลายท่านไปค้ำประกันบุคคลในครอบครัว คนใกล้ชิด เพื่อนฝูง ลูกจ้าง ลูกน้อง นายจ้าง สารพัดจะค้ำประกัน ทำให้ตัวเองอยู่ในภาวะที่ยากลำบาก
เมื่อบุคคลที่ไปค้ำประกันได้ผิดนัดชำระหนี้หรือชาวบ้านเรียกว่า “เบี้ยว” หลบหน้าหายตัวไปไร้ร่องรอย เหลือแต่ความเศร้าและความทุกข์ใจอยู่กับผู้ค้ำประกัน ไม่รู้จะหาทางออกใดดี จะก้าวไปข้างหน้าก็ไปไม่ถึง จะถอยหลังก็ไม่ได้ จะอยู่เฉยๆ ก็ถูกทวงหนี้ จนบางรายถึงขนาดฆ่าตัวตาย
ผมจึงขอนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับการค้ำประกันที่ประชาชนหรือชาวบ้านอย่างพวกเราควรจะได้รับรู้ไว้ว่า มีประเด็นอะไรบ้างที่ควรจะรู้เกี่ยวกับการค้ำประกัน
1.การค้ำประกัน คือ การที่บุคคลภายนอกไปสร้างความเชื่อมั่นให้กับเจ้าหนี้ ในการที่เจ้าหนี้จะให้สินเชื่อหรือปล่อยเงินกู้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้านาย ก จะไปเช่าซื้อรถยนต์จากสถาบันการเงิน สถาบันการเงินพิจารณาแล้วเห็นว่า นาย ก มีรายได้แน่นอนก็จริงอยู่ แต่ไม่เพียงพอชำระหนี้
ดังนั้น ถ้าจะให้กู้เพื่อความมั่นใจว่าเมื่อผิดนัดชำระหนี้แล้ว นาย ก จะหาเงินมาชำระหนี้ได้ เจ้าหนี้ก็มักจะให้คนมาค้ำประกันตามสัญญาเช่าซื้อ ผู้ค้ำประกันไม่มีสิทธิใดๆ เกี่ยวกับรถยนต์ที่เช่าซื้อ มีแต่หน้าที่กับความรับผิดถ้าลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้เมื่อไหร่ เจ้าหนี้คือสถาบันการเงินก็จะทวงหนี้กับผู้ค้ำประกันทันที จะหลบจะเลี่ยงก็ไม่ได้
มีผู้ค้ำประกันหลายคนไปยึดรถคืนมาจากผู้เช่าซื้อและไม่ยอมส่งคืนสถาบันการเงินโดยอ้างว่าตนเองเป็นผู้ค้ำประกัน ซึ่งมีสิทธิครอบครองซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องเลย เมื่อพนักงานยึดรถมาก็ไม่ยอมคืนรถให้ โดยไม่มีเหตุอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย เป็นการยึดรถไว้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งอาจถูกดำเนินคดีในความผิดฐานรับของโจร เพราะเป็นการได้รับรถมาจากผู้เช่าซื้อโดยรู้อยู่แล้วว่า เป็นการยักยอกทรัพย์สินของผู้อื่นมาครอบครอง อาจมีความผิดฐานลักทรัพย์ ถ้าไปขโมยมาจากผู้เช่าซื้อก็เป็นได้
ดังนั้น ผู้ค้ำประกันจึงไม่มีสิทธินำรถที่อยู่ระหว่างการเช่าซื้อหรือการผ่อนชำระมาครอบครองหรือใช้ประโยชน์นะครับ
2.ลักษณะของสัญญาค้ำประกัน ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือจึงจะฟ้องร้องบังคับคดีได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 681 (อ้างอิงคำพิพากษาฎีกาที่ 7519/2547, 1277/2539)
3.หนี้ที่ค้ำประกันได้ต้องเป็นหนี้ที่สมบูรณ์เท่านั้น รวมถึงหนี้ในอนาคตหรือหนี้ที่มีเงื่อนไขก็ค้ำประกันได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 681 (อ้างอิงคำพิพากษาฎีกาที่ 3781/2533, 5133/2550)
4.การค้ำประกันบุคคลเข้าทำงานผู้ค้ำประกันรับผิดเฉพาะความเสียหายที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของลูกจ้างที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งงานที่ค้ำประกันเท่านั้น (อ้างอิงคำพิพากษาฎีกาที่ 5720/2533, 1483/2527)
5.ผู้ค้ำประกันมีหลายคน ค้ำประกันในหนี้รายเดียวกัน ผู้ค้ำประกันทุกคนต้องรับผิดชดใช้หนี้ให้กับเจ้าหนี้ในลักษณะลูกหนี้ร่วม ถึงแม้จะทำสัญญากันคนละฉบับ และการทำสัญญาค้ำประกัน ไม่ต้องทำในเวลาเดียวกัน และการค้ำประกันมีวงเงินในแต่ละสัญญาไม่เท่ากันก็ตาม
6.ขอบเขตของการค้ำประกัน การค้ำประกันมีทั้งค้ำประกันอย่างจำกัดความรับผิดคือ รับผิดไม่เกินวงเงินต้นและดอกเบี้ยหรือค้ำประกันอย่างไม่จำกัดความรับผิด ต้องรับผิดรวมทั้งดอกเบี้ยและค่าสินไหมทดแทน ตลอดจนภาระติดพันต่างๆ ที่เกิดจากการผิดนัดชำระหนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 683
7.ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมความที่ลูกหนี้ต้องชำระตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 684
8.ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ให้เจ้าหนี้แล้ว แต่ยังชำระไม่ครบถ้วน ลูกหนี้ต้องรับผิดในหนี้ส่วนที่เหลือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 685
9.ผลก่อนชำระหนpี้เมื่อลูกหนี้ผิดนัดลงเมื่อใด เจ้าหนี้ชอบที่จะเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ได้ทันที ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 686มาตรา 692
10.สิทธิเกี่ยงของผู้ค้ำประกันในกรณีถูกเจ้าหนี้ทวงหนี้ เช่น ขอให้เรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ก่อนหรือให้บังคับกับทรัพย์สินของลูกหนี้ก่อน หรือให้ชำระเอาหลักประกันที่เจ้าหนี้ยึดถือไว้เป็นประกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 688, มาตรา 689, มาตรา 690
11.ถ้าในสัญญาค้ำประกันมีการระบุว่า ให้ผู้ค้ำประกันรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมกับลูกหนี้ ส่งผลให้ผู้ค้ำประกันไม่มีสิทธิเกี่ยงและไม่มีสิทธิยกข้อต่อสู้ของผู้ค้ำประกัน แต่มีสิทธิยกข้อต่อสู้ของลูกหนี้ขึ้นต่อสู้เจ้าหนี้ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 691
12.อายุความสะดุดหยุดลงเป็นโทษแก่ลูกหนี้ ย่อมเป็นโทษแก่ผู้ค้ำประกันด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 692
13.ผลภายหลังการชำระหนี้ ผู้ค้ำประกันไล่เบี้ยเอาเงินคืนจากลูกหนี้ได้พร้อมดอกเบี้ยและค่าเสียหาย รวมทั้งเข้ารับช่วงสิทธิเหนือทรัพย์สิน เช่น จำนอง จำนำ เป็นต้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 693มาตรา 697
เอ็นดูเขา เอ็นเราขาด อย่านึกถึงแต่คนอื่น ควรนึกถึงความเดือดร้อนที่ตามมากับตนเองและครอบครัวนะครับ


