รุ่นใหม่ 'เซ่งชง' ตอกหมุด ย้ำแบรนด์เครื่องหนัง 117 ปี

โดย...ดวงใจ จิตต์มงคล

ร้านเครื่องหนัง “เซ่งชง” ร้านรองเท้าเก่าแก่ของไทย จากรุ่น 1 ผู้ก่อตั้ง นายเซ่งชง ชาวจีนโพ้นทะเลที่เข้ามาเปิดร้านจำหน่ายและผลิตรองเท้าเป็นแห่งแรกของประเทศ โดยเช่าตึกบนถนนเจริญกรุง เมื่อปี พ.ศ. 2439 จากโอกาสของกิจการในสมัยนั้น ที่คนไทยเริ่มหันมานิยมใส่รองเท้าหุ้มส้นแบบชาวตะวันตก กระทั่งปัจจุบันร้านเซ่งชงมีอายุ 117 ปี และได้ย้ายทำเลใหม่ไปยังถนนนางเลิ้ง หลังกระทรวงคมนาคมในปัจจุบัน

ชยาศิส และ อาจฤทธิ์ ประดิษฐบาทุกา สองพี่น้องผู้บริหารห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล เซ่งชง ผู้สืบทอดกิจการร้านเซ่งชงรุ่นใหม่ และในฐานะรุ่น 4 กิจการครอบครัว กล่าวถึงรูปแบบการบริหารธุรกิจร้านเซ่งชงในปัจจุบันที่กำลังเผชิญกับการแข่งขันสูงในตลาดเครื่องหนัง จากการเข้ามาของแบรนด์เนมใหม่ๆ ในกลุ่มเครื่องหนังจากต่างประเทศที่บุกเข้ามาทำตลาดในไทยอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา

ดังนั้น “การปรับตัว” ภายใต้ “การเปลี่ยนแปลงของตลาด” จึงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับกิจการร้านเซ่งชงที่มีอายุกว่า 100 ปี โดยเฉพาะการอธิบายเพื่อขอใช้งบลงทุนก้อนใหญ่ในการปรับโฉมร้านให้กับผู้บริหารรุ่นก่อนๆ อย่างปู่ พ่อ และอา ให้เข้าใจถึงความจำเป็น หากยังต้องการดำรงกิจการเก่าแก่แห่งนี้ที่ได้รับพระราชทานตราตั้งห้าง (ตราครุฑ) เมื่อปี พ.ศ. 2464 จากล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 ในฐานะที่นายเซ่งชงได้รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท กระทั่งได้รับการแต่งตั้งเป็นหลวงประดิษฐบาทุกา

ชยาศิส ย้อนไปเมื่อเกือบ 5 ปีก่อน พร้อมยอมรับว่า ช่วงนั้นกิจการร้านเซ่งชงอยู่ในภาวะทรงตัว จากยอดขายที่ไม่เติบโต ขณะที่หน้าร้านเดิม (เจริญกรุง) ก็ยังคงสภาพเดิมๆ ไม่มีการปรับปรุงใดๆ ทำให้น้องชาย อาจฤทธิ์ ตัดสินใจหันมาปรับปรุงร้านเซ่งชงครั้งใหญ่ จากนั้นไม่นานตัวเองก็ออกจากงานประจำที่เป็นวิศวกรโรงงานเพื่อออกมาช่วยเหลือธุรกิจครอบครัวอย่างเต็มรูปแบบพร้อมกับน้องชาย

สำหรับความท้าทายในการเข้ามาทำตลาดเครื่องหนังในช่วงที่ตลาดมีการแข่งขันสูงแบบนี้ ชยาศิส บอกว่า จะต้องขยายไลน์ผลิตสินค้าเครื่องหนังใหม่ๆ อย่างกระเป๋าสะพายใบเล็กๆ กระเป๋าใส่สตางค์ หรือเครื่องหนังอุปกรณ์เสริมตกแต่งประเภทต่างๆ เพื่อขยายฐานกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ เพิ่มเติมจากสินค้าเด่นของทางร้านในอดีตอย่างรองเท้าและเข็มขัดหนัง เซ่งชงที่เคยเป็น “แบรนด์เลิฟ” ของคนสมัยก่อน หรือกลุ่มลูกค้าที่มีอายุเกิน 45 ปีขึ้นไปจนถึง 80 ปี

ทั้งนี้ ได้คงจุดเด่นของแบรนด์ คือ คุณภาพในการผลิตสินค้าเครื่องหนังที่ประณีต สวยงามและคงทน ในระดับราคาเฉลี่ยหลัก 1,000-4,000 บาทต่อชิ้น ที่สำคัญจะยังรักษาแบรนด์ “เซ่งชง” เป็นตราสินค้าติดที่ผลิตภัณฑ์เครื่องหนังทุกชิ้นเอาไว้อย่างเหนียวแน่น โดยจะนำตัวอักษรภาษาอังกฤษ “SENG CHONG” มาใช้ในการสื่อสารร่วมกับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายเพื่อความเป็นสากล และรองรับการขยายการทำตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะการเข้าสู่เออีซีในอนาคต

ชยาศิส ทิ้งท้ายเคล็ดลับการบริหารกิจการแบรนด์ไทย อายุกว่า 100 ปีอย่าง “เซ่งชง” ที่ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น คือ คุณภาพ และความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่สุดสำหรับการรักษาธุรกิจให้ยั่งยืน ที่นอกเหนือจากการนำมาต่อยอดด้านการพัฒนาสินค้าให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ ที่ผู้บริหารรุ่น 4 อย่างสองพี่น้องต้องดำเนินการสานต่อนับจากนี้