มะกันเปิดช่อง‘คราวด์ฟันดิง’

กลต.เผยแผนระดมทุนอย่างปลอดภัย เน้นดึงนักลงทุนรายย่อยร่วมอัดฉีดธุรกิจ

มะกันยกเครื่องการระดมทุนแบบ “คราวด์ฟันดิง” เปิดทางนักลงทุนรายย่อยอัดฉีดเอสเอ็มอีเต็มสูบปลอดภัย

คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (เอสอีซี) ของสหรัฐ เปิดเผยร่างกฎข้อบังคับเพื่อการระดมทุนผ่านช่องทาง “คราวด์ฟันดิง” เปิดทางให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) สามารถระดมทุนได้จากทั้งนักลงทุนรายใหญ่และรายย่อยผ่านเว็บไซต์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยต่อจากนี้จะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณชนต่อร่างดังกล่าวเป็นเวลา 90 วัน ก่อนแก้ไขเพิ่มเติมและประกาศบังคับใช้ต่อไป

ภายใต้ร่างกฎข้อบังคับดังกล่าว เปิดทางให้บริษัทต่างๆ ซึ่งรวมถึงธุรกิจรายย่อยสามารถระดมทุนได้สูงสุดถึง 1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ผ่านช่องทางคราวด์ฟันดิงโดยไม่ต้องจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ และยังเปิดโอกาสให้นักลงทุนที่มีรายได้น้อยกว่า 2 แสนเหรียญสหรัฐต่อปี สามารถเข้าร่วมลงทุนได้ แต่ต้องไม่เกิน 1 แสนเหรียญสหรัฐต่อปี ซึ่งแตกต่างกับก่อนหน้านี้ ที่นักลงทุนที่ประสงค์เข้าร่วมลงทุนผ่านช่องทางคราวด์ฟันดิงต้องเป็นนักลงทุนที่ได้รับการรับรองและมีรายได้สูงกว่า 2 แสนเหรียญสหรัฐเท่านั้น

นอกจากนี้ นักลงทุนรายย่อยที่มีรายได้สุทธิต่ำกว่า 1 แสนเหรียญสหรัฐ ก็สามารถเข้าร่วมลงทุนได้เช่นกัน ทว่าต้องไม่เกิน 5% ของรายได้ต่อปี และนักลงทุนทั้งหมดต้องถือครองหุ้นของบริษัทนั้นๆ อย่างน้อย 1 ปี

ขณะเดียวกัน ร่างดังกล่าวยังกำหนดให้บริษัทที่ต้องการระดมทุนผ่านคราวด์ฟันดิง ต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าของ ผู้บริหาร และสถานะทางการเงินของบริษัทโดยละเอียด และยังคงต้องดำเนินการระดมทุนผ่านบริษัทตัวแทนที่จดทะเบียนกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์เพื่อป้องกันไม่ให้มีการให้คำแนะนำกับนักลงทุนหรือเสนอขายหุ้นในกรณีพิเศษ

ร่างดังกล่าว ได้รับการตอบรับอย่างดีจากทั้งนักลงทุนและเจ้าของธุรกิจ โดย สลาวา รูบิน ผู้ร่วมก่อตั้งเว็บไซต์ระดมทุนอินเดียโก้โก มองว่า เป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมกับธุรกิจใหม่ในประเทศได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม และผลักดันให้เอสเอ็มอีซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ภายหลังจากก่อนหน้านี้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์หารือเพื่อหาข้อสรุปในรายละเอียดของร่างดังกล่าวยืดเยื้อนานหลายเดือน

“ทางคณะกรรมการต้องการร่างข้อบังคับที่เปิดโอกาสให้ธุรกิจสามารถระดมทุนได้ง่ายขึ้นและปลอดภัยจากการฉ้อโกง” หลุยส์ อกิลาร์ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ ระบุ