เถ้าแก่น้อยไต่สู่แบรนด์โลก
เถ้าแก่น้อย ลั่น 10 ปี ปั้นสินค้าก้าวสู่โกลบอลแบรนด์ จ่อเปิดตลาด 70 ประเทศ กวาดรายได้ 1 หมื่นล้านบาท
เถ้าแก่น้อย ลั่น 10 ปี ปั้นสินค้าก้าวสู่โกลบอลแบรนด์ จ่อเปิดตลาด 70 ประเทศ กวาดรายได้ 1 หมื่นล้านบาท
นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสาหร่ายทะเลแปรรูปเถ้าแก่น้อย เปิดเผยว่า แผนดำเนินธุรกิจในอีก 10 ปีข้างหน้า หรือระหว่างปี 2556-2566 บริษัทตั้งเป้าหมายนำเถ้าแก่น้อยสู่แบรนด์ระดับโลก ด้วยรายได้ 1 หมื่นล้านบาท และเปิดตลาดใน 70 ประเทศทั่วโลก จากปัจจุบันที่ขยายตลาดแล้วใน 30 ประเทศ
สำหรับแบรนด์เถ้าแก่น้อยถือเป็นสินค้าระดับเอเชี่ยนแบรนด์ และตั้งเป้าในอีก 5 ปีข้างหน้าจะขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในตลาดเอเชีย หรือมีรายได้ 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากต่างประเทศ 50% และในประเทศ 50% จากปัจจุบันเป็นอันดับหนึ่งในตลาดอาเซียน โดยกลยุทธ์การตลาดจะมุ่งเน้นการทำบลูโอเชี่ยน หรือการสร้างตลาดใหม่และนำเสนอสิ่งใหม่ๆ
ทั้งนี้ ล่าสุดได้เข้าร่วมทุนในนามส่วนตัวกับนายณัชชัชพงศ์ พีระเดชาพันธ์ จัดตั้งบริษัท เจนซี อินสไปร์ คอร์ปอเรชั่น ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจเกมออนไลน์ ประเดิมนำลิขสิทธิ์เกมแฟนตาซี เซก้า ออนไลน์ จากไต้หวันเข้ามาเปิดในไทย โดยเถ้าแก่น้อยจะเป็นสปอนเซอร์เกม ซึ่งเป็นการทำตลาดที่เชื่อมโยงกับเกมเพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ และขยายฐานลูกค้าต่างประเทศได้ในอนาคต
“เราได้สิทธิเปิดเกมออนไลน์เฉพาะในไทยเท่านั้น ผมมองว่าเกมสามารถเชื่อมโยงกับคนทั้งโลกได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนของการสร้างแบรนด์ โดยการนำแบรนด์เถ้าแก่น้อยไปเชื่อมโยงกับเกมแฟนตาซี เซก้า เพราะมีคาแรกเตอร์คล้ายกับเถ้าแก่น้อย ช่วยสร้างการรับรู้ในวงกว้าง ในอนาคตบริษัทยังมีแผนจะเปิดตลาดเกมออนไลน์ในต่างประเทศ”นายอิทธิพัทธ์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนทำโปรโมชั่นร่วมกับเกมแฟนตาซี เซก้า อาทิ การซื้อสินค้าสาหร่ายเถ้าแก่น้อยและได้รับรหัสแลกของ รวมทั้งการทำโฆษณาแฝงเข้าไปในเกม การป้อนข้อมูลประโยชน์การกินสาหร่าย ซึ่งจะเริ่มดำเนินการปีหน้านี้ โดยธุรกิจเกมออนไลน์จะเป็นอีกขาธุรกิจของบริษัท มุ่งบุกตลาดเกมออนไลน์ในไทยมูลค่า 5,000 ล้านบาท และการเปิดตลาดต่างประเทศจะไวกว่าแบรนด์เถ้าแก่น้อย
ขณะเดียวกัน บริษัทยังมุ่งเดินหน้าขยายพอร์ตโฟลิโอสินค้าเครื่องดื่มในปีหน้า หลังจากเปิดตัวไวต้ามิกเมื่อปีที่ผ่านมา มีสัดส่วนรายได้ไม่ถึง 5% โดยต้องการเพิ่มสัดส่วนรายได้เครื่องดื่มและสินค้านอกเหนือจากสาหร่ายเป็น 40% ในอนาคต ส่วนสาหร่ายสัดส่วน 95% ลดเหลือ 60% และมีแผนนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปีหน้า เพื่อระดมทุน การขยายธุรกิจ จากปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท
ด้านสภาพตลาดสาหร่ายแปรรูปมูลค่า 3,000 ล้านบาท เติบโตสองหลัก และมีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น จากการมีคู่แข่งใหม่ๆ เข้ามาในตลาด อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่เน้นกลยุทธ์ราคา แต่มุ่งเพิ่มความถี่การกิน และจัดแคมเปญการตลาด เพื่อตอกย้ำผู้นำตลาดของเถ้าแก่น้อยด้วยส่วนแบ่ง 60% โดยปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 3,000 ล้านบาท


