"ชนันธร"เร่งเครื่องปั้นแบรนด์สู้ศึกรายใหญ่อสังหาฯ
หลังจากทำตลาดที่อยู่อาศัยเงียบๆ ในย่านฝั่งธนบุรี ภายใต้แบรนด์ “บ้านชนันธร” มากว่า 10 ปี วันนี้ “ชนันธร ดีเวลลอปเมนท์”
โดย...สุกัญญา สินถิรศักดิ์
หลังจากทำตลาดที่อยู่อาศัยเงียบๆ ในย่านฝั่งธนบุรี ภายใต้แบรนด์ “บ้านชนันธร” มากว่า 10 ปี วันนี้ “ชนันธร ดีเวลลอปเมนท์” พร้อมจะลุกขึ้นมาปั้นแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น เพื่อรับมือกับการรุกหนักของรายใหญ่และพฤติกรรมของผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับแบรนด์มากกว่าในอดีต
นอกจากนี้ สุชาติ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้ก่อตั้งบริษัท ชนันธร ดีเวลลอปเมนท์ กรุ๊ป ยังได้ดึงทายาทเข้ามาช่วยเสริม ยังทำให้แนวทางของชนันธรฯ เปลี่ยนไปด้วย
ศราริน เรืองปัญญาวุฒิ ทายาทและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชนันธร ดีเวลลอปเมนท์ กรุ๊ป กล่าวว่า นับจากนี้จะทยอยปรับภาพลักษณ์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น ทั้งเรื่องของแบรนด์ การออกแบบโครงการ รวมทั้งมีนโยบายกระจายการลงทุนให้หลากหลายมากขึ้นด้วย โดยปีนี้จะหันมาทำตลาดคอนโดมิเนียมเป็นครั้งแรก เนื่องจากสำรวจตลาดคนรุ่นใหม่ที่เป็นครอบครัวขนาดเล็ก พบว่านิยมอยู่ใกล้เมืองมากขึ้น ซึ่งคอนโดมิเนียมตอบโจทย์มากกว่าทาวน์เฮาส์ เพราะคนรุ่นใหม่ไม่เน้นพื้นที่กว้าง แต่เน้นความสะดวกในการเดินทางมากกว่า
ขณะเดียวกัน ยังปรับนโยบายการเปิดตัวโครงการใหม่ จากเดิมจะเปิดปีละ 1 โครงการที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ประมาณ 400 ยูนิต มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท เป็นหันมาเน้นโครงการขนาดเล็ก แต่เพิ่มจำนวนเป็น 3 โครงการต่อปี เพื่อความคล่องตัวและกระจายความเสี่ยงไปยังหลายๆ โครงการ
สำหรับแบรนด์ที่อยู่อาศัยที่เดิมเคยใช้แบรนด์ “บ้านชนันธร” ก็จะปรับใหม่ให้แบรนด์ชนันธรเป็นแบรนด์องค์กร ส่วนแบรนด์ที่อยู่อาศัยเปลี่ยนใหม่เป็น 4 แบรนด์หลัก ประกอบด้วย 1.มอตโต เจาะตลาดบ้านเดี่ยว 610 ล้านบาท 2.มิวส์ เจาะตลาดทาวน์เฮาส์ 3 ล้านบาท 3.โมโน ทำตลาดทาวน์เฮาส์ 1.9 ล้านบาท และ 4.เพลา ทำตลาดคอนโดมิเนียม
ศราริน กล่าวว่า กลยุทธ์การออกแบบก็เปลี่ยนไปเช่นกัน โดยบ้านชนันธรแบบเดิมจะเน้นกลยุทธ์ด้านราคา เจาะตลาดล่าง ไม่เน้นดีไซน์ แต่ยุคใหม่จะหันมาเน้นเรื่องดีไซน์มากขึ้น ซึ่งช่วยยกระดับราคาขายได้ด้วย เช่น โครงการชนันธร กรีน เพชรเกษม ยุคเดิมจะเป็นบ้านเดี่ยว ราคา 2.7 ล้านบาท แต่พอเพิ่มดีไซน์ ปรับแบบในเฟสใหม่ สามารถขายได้ในราคา 3.5 ล้านบาท
“เรามีศักยภาพมากกว่าทำบ้านราคาถูกและบ้านทั่วไป ซึ่งบ้านที่มีดีไซน์ ต้นทุนรวมไม่ได้เพิ่มมาก แต่สามารถขยับราคาขายให้สูงขึ้นได้มาก และขายเร็วขึ้นกว่าแบบเดิม จึงคิดว่าเดินมาถูกทาง” ศราริน กล่าว
ทั้งนี้ แผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ จะมีด้วยกัน 3 โครงการ เริ่มด้วย โครงการคอนโดมิเนียม เพลา วุฒากาศ ฝั่งถนนวุฒากาศ 21 อยู่บนพื้นที่ 1 ไร่เศษ อาคารสูง 21 ชั้น จำนวนรวม 190 ยูนิต แบ่งเป็น ห้องชุด 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 33-54.5 ตร.ม. และขนาด 2 ห้องนอน 58-109 ตร.ม. และมีห้องดูเพล็กซ์ 45.592 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.3-7.2 ล้านบาท หรือ 78 หมื่นบาทต่อ ตร.ม. รวมมูลค่าโครงการประมาณ 550 ล้านบาท
ขณะที่อีก 2 โครงการเป็นบ้านแนวราบ คือ มิวส์ เพชรเกษม 69 ทาวน์โฮม 3 ชั้น ราคาเริ่มต้น 2.7 ล้านบาท จำนวน 61 ยูนิต มูลค่าโครงการ 210 ล้านบาท และโมโน เพชรเกษมทวีวัฒนา ทาวน์โฮม 2 ชั้น เริ่มต้น 1.85 ล้านบาท 151 ยูนิต มูลค่าโครงการ 330 ล้านบาท ส่วนปีหน้าจะมี 3 โครงการ ปัจจุบันมีที่ดินแล้ว 2 โครงการ คือ บ้านเดี่ยว “มอตโต้ พระราม 2” ราคา 6 ล้านบาท 100 ยูนิต มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท และโครงการ มิวส์ เทียนทะเล 15พระราม 2 ราคา 3.5 ล้านบาทขึ้นไป 300 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,100 ล้านบาท โดยปีหน้าตั้งเป้าเติบโต 30% จากปีนี้ที่คาดว่าจะมียอดขาย 700 ล้านบาท และรับรู้รายได้ 600 ล้านบาท
การลุกขึ้นมายกเครื่ององค์กรครั้งใหญ่ในรอบ 10 ปี ทายาทกลุ่มชนันธร ดีเวลลอปเมนท์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ถือเป็นการทำตัวเองให้พร้อมที่จะสู้กับรายใหญ่มากขึ้น เพราะเวลานี้ไม่ว่าจะอยู่ทำเลไหนก็เลี่ยงการแข่งขันไม่ได้


