นายกฯตื่นสั่งเร่งออกใบรง.4
สภาอุตฯร้องนายกฯเร่งรัดออกใบรง.4 ด่วน สั่งให้เจ้าหน้าที่รายงานความล่าช้า
สภาอุตฯร้องนายกฯเร่งรัดออกใบรง.4 ด่วน สั่งให้เจ้าหน้าที่รายงานความล่าช้า
การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อแก้ปัญหาผู้ประกอบการกลุ่มธุรกิจไฟฟ้าและชินส่วนอิเลคทรอนิกส์ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ภาคเอกชนและผุ้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.ท.ท.) ได้เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งออกใบอนุญาตประกอบกกิจการโรงงานให้กับภาคเอกชนให้รวดเร็วขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาเอกชนมีปัญหามาก
นายธีรัตน์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดกระบวนการพิจารณาใบ รง.4 โดยส่งรายชื่อบริษัทที่ยังติดขัดไปยังคณะกรรมการร่วมเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ตลอดจนให้เจ้าหน้าที่ชี้แจงความล่าช้าในการออกใบรง.4 ด้วย
“นายกฯต้องการเห็นการลงทุนที่เป็นเม็ดเงินลงทุนโดยตรงมากขึ้น จึงเร่งรัดให้มีการออกใบรง.4 โดยเร็ว”นายธีรัตน์กล่าว
สำหรับข้อเรียกร้องของเอกชนเรื่องการเร่งรัดออกใบ รง.4 เป็น 1 ใน 7 ข้อเสนอเอกชน เนื่องจากปัจจุบันกรมโรงงานอุตสาหกรรมมีการประกาศกฎหมายการอนุญาตจัดตั้งโรงงาน โดยต้องขออนุญาตจัดตั้งให้แล้วเสร็จก่อนก่อสร้างโรงงาน ขณะที่การขอใบอนุญาตก่อสร้างโรงงานมีปัญหาและอุปสรรคอย่างมาก
ภาคเอกชนเสนอว่า เพื่อให้การก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ขอให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมแก้ไขระเบียบการจัดตั้งโรงงาน เพื่อให้ผู้ประกอบการเริ่มก่อสร้างโรงงานได้ทันทีหลังจากยื่นขออนุญาตในการดำเนินธุรกิจ เพราะหากต้องรอให้ได้รับใบอนุญาตก่อน จะทำให้เกิดความล่าช้าไม่ทันต่อการจัดตั้งโรงงาน
อย่างไรก็ตามนายณัฐพล ณัฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยกว่า ขณะนี้มีเรื่องขออนุญาตขอใบประกอบกิจการโรงงาน(รง.4) ที่เตรียมเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองทั้งหมด 10 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นโรงงานผลิตอาหารสัตว์ เมล็ดพันธุ์พืช ยานยนต์ ไม่มีเรื่องของกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าแลอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งที่ผ่านมามีขออนุญาตค่อนข้างน้อย เพราะส่วนใหญ่จะตั้งในนิคมอุตสาหกรรมที่ไม่ต้องขอใบรง.4
ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนเม.ย.เป็นต้นมา กลุ่มไฟฟ้าฯขอ รง.4 เข้ามา 18 เรื่อง อนุญาตไป 9 เรื่อง ถอนคำขอ 3 เรื่อง อยู่ระหว่างพิจารณา 2 เรื่อง
ด้านนายศุภชัย สุทธิพงษ์ชัย ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้า ส.อ.ท. กล่าวว่า การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในช่วง 8 เดือนแรกของปีลดลงไป 2% เนื่องจากว่าการส่งออกไปประเทศจีนลดลง 29% และคาดว่าปี 2556 จะยอดการส่งออกจะลดลง 3% ขณะที่ปัจจุบันสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ไทยเริ่มถูกตีตลาดจากสินค้าเวียดนาม
นายศุภชัย กล่าวว่า อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิคส์ส่งออกปีละ 1.6 ล้านล้านบาท นำเข้า 1.4 ล้านล้านบาท และผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้า 4 แสนล้านบาท ซึ่งเอกชนเห็นว่าภาครัฐควรจัดซื้อจัดจ้างผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ของไทยในโครงการของรัฐ เช่น แท็บเล็ตพีซี ศูนย์ไอซีทีตำบล โครงการฟรีไวไฟ และการจัดซื้อโทรทัศน์ดิจิตอล เป็นต้น
นายณรงค์ ดอกเพชร์ ผู้บริหารจากบริษัทเวสเทิร์น ดิจิตอล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาครัฐต้องเร่งพัฒนาบุคลากร โดยเฉพาะวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ที่สรรหาบุคลากรได้ยาก เอกชนยังเป็นห่วงว่าการเปลี่ยนแปลงการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอจะกระทบต่อผู้ประกอบการเดิม โดยขอให้เลื่อนเวลาบังคับใช้มาตรการบีโอไอใหม่เป็น 1 ม.ค.2559
นอกจากนี้ เอกชนไม่เห็นด้วยกรณีที่สำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จะยกเลิกการกำหนดเขตส่งเสริมการลงทุน หรือโซนนิ่ง เพราะจะทำให้ผู้ประกอบการย้ายฐานการผลิตมาในเขตเมือง หรือโซน 1 มากขึ้น เพื่อลดต้นทุนค่าขนส่ง ซึ่งจะทำให้เกิดการกระจุกตัวของอุตสาหกรรม แทนที่จะกระจายอุตสาหกรรมไปยังนอกเมืองเหมือนนโยบายในอดีต


