posttoday

5 เรื่องที่คนใกล้ตายเสียใจไม่ได้ทำ

10 ตุลาคม 2556

โดย...สาธิต บวรสันติสุทธิ์ CFP /[email protected]

โดย...สาธิต บวรสันติสุทธิ์ CFP /[email protected] 

“ตายก่อนตาย” หลายคนที่เคยอ่านบทความของท่านพุทธทาสคงคุ้นเคยคำนี้ดี หลายคนไม่เข้าใจความหมาย หลายคนเข้าใจแต่ไม่เข้าถึงใจคือ เข้าใจแค่ความหมายแต่ไม่ตระหนักรู้ถึงความหมายของมัน แต่เชื่อมั้ยครับ สิ่งที่เข้าใจยากเช่นนี้ หลายคนกลับเข้าใจได้ดีเมื่อความตายมารออยู่ตรงหน้า

Bronnie Ware พยาบาลชาวออสเตรเลียผู้ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ได้พบว่าจากผู้ป่วยระยะสุดท้ายทั้งหลาย โดยเฉพาะผู้ป่วยชายจะมีเรื่องที่เสียใจไม่ได้ทำคล้ายๆ กัน ซึ่งหากเรียงลำดับเรื่องที่คนใกล้ตายเสียใจไม่ได้ทำมากที่สุด 5 เรื่อง จะเรียงลำดับได้ดังนี้

1.ฉันปรารถนาที่จะมีความกล้าหาญที่จะใช้ชีวิตในแบบที่ฉันอยากจะเป็น มากกว่าใช้ชีวิตตามความคาดหวังของคนอื่น

ข้อนี้เป็นเรื่องที่คนใกล้ตายเสียใจมากที่สุด เมื่อเขามองกลับไปในชีวิตที่ผ่านมา เขาพบว่าเขาได้ละทิ้งความฝันหลายอย่างในชีวิต เพียงเพราะเขาเลือกที่จะไม่ซื่อสัตย์ต่อฝันของตนเอง เขาละทิ้งโอกาสที่จะทำความฝันให้เป็นจริงในช่วงที่สุขภาพยังดี แต่มาตระหนักรู้เมื่อไม่มีโอกาสทำฝันนั้นให้เป็นจริงเสียแล้ว อ่านตรงนี้แล้ว ผมรู้สึกว่าเป็นโชคดีของเด็กรุ่นใหม่ที่พ่อแม่เริ่มเปิดกว้าง และสังคมสนับสนุนให้แสดงออกกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นช่องทางให้เด็กได้แสดงออกผ่านรายการโทรทัศน์ต่างๆ มากมาย ทำให้เด็กหลายคนเป็นคนที่เชื่อมั่นในตนเอง กล้าที่จะวิ่งหาฝันของตนเอง อย่างคำพูดที่ว่า “แค่กล้าก็ชนะแล้ว” อาจไม่ชนะในการแข่งขัน แต่ก็ชนะตัวเองได้ก็พอแล้ว

2.ฉันปรารถนาที่จะไม่ทำงานหนัก

ความเสียใจนี้เกิดกับคนไข้ชายที่ใกล้ตายทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกผู้สูงอายุ พวกเขาคิดถึงลูกๆ เพื่อนๆ ที่พวกเขาใช้เวลากับงานมากเกินไปจนไม่ได้มีเวลาให้กับพวกเขาอย่างเพียงพอ

3.ฉันปรารถนาที่จะมีความกล้าที่จะแสดงความรู้สึกของตนเอง

คนหลายคนเลือกที่จะเก็บกดความรู้สึกที่แท้จริงตนเองไว้เพื่อความสุขของผู้อื่น ทำให้ท้ายที่สุดกลายเป็นผู้ที่ทุกข์บนการกระทำของผู้อื่น ทำให้สูญเสียความเป็นตัวตนของตนเอง และในระยะยาวก็นำมาซึ่งความเจ็บป่วยที่ตนเองต้องประสบในปัจจุบัน
แน่นอนแม้ว่าเราไม่สามารถควบคุมปฏิกิริยาที่ผู้อื่นจะสะท้อนต่อพฤติกรรมของเราที่แสดงออกอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา และซื่อสัตย์ ไม่เป็นคนยอมรับเก็บกดอย่างเก่า แต่ขอให้เชื่อเถอะว่า การแสดงออกอย่างเปิดเผย ซื่อสัตย์ และด้วยความรู้สึกที่ดี สุดท้ายจะนำมาซึ่งความสัมพันธ์ที่ดี หรืออย่างน้อยที่สุดก็นำมาซึ่งความรู้สึกดีๆ ที่คุณมีให้กับตัวคุณ

4.ฉันปรารถนาที่จะใช้เวลากับเพื่อนฝูงมากขึ้น

ส่วนใหญ่ผู้ที่ใกล้ตายจะคิดถึงเพื่อนเก่าๆ ช่วงเวลาที่มีความสุขกับเพื่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นวัยเรียน หรือวัยทำงาน หลายคนเสียดายช่วงเวลาที่ผ่านไปที่ไม่ได้ให้เวลากับเพื่อนๆ มากพอ

เป็นเรื่องธรรมดาที่ภาระงานที่รัดตัวจะแย่งเวลาพวกเขาไปจากความสัมพันธ์กับผู้อื่น เงินทองหรืออำนาจไม่ใช่สิ่งมีค่าที่สุดสำหรับเขา ที่พวกเขายอมเสียทุกอย่างเพื่อแสวงหาเงินทองและอำนาจ ก็เพื่อความสุขของคนที่เขารัก แต่เขากลับไม่ได้ให้สิ่งที่คนที่เขารักต้องการจากเขามากที่สุด นั่นก็คือ เวลาที่ให้กับคนที่รัก

5.ฉันปรารถนาที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมากๆ ที่ความปรารถนาข้อนี้เป็นความปรารถนาที่คนใกล้ตายส่วนใหญ่ต้องการ คนส่วนใหญ่แล้วเลือกที่จะใช้ชีวิตภายใต้กรอบวัฒนธรรม ความเชื่อ ความเคยชิน แม้ว่าจะรู้ว่าการดำเนินชีวิตในรูปแบบอื่นจะนำความสุขมาสู่ชีวิตได้มากกว่า การกลัวต่อการเปลี่ยนแปลงตนเอง ทำให้เขาเลือกที่จะเสแสร้งแสดงให้ผู้อื่นเข้าใจว่า เขามีความสุขกับวิถีชีวิตแบบนั้น แม้ว่าในใจลึกๆ เขากำลังหัวเราะกับความโง่เง่ากับวิถีชีวิตของตนเองอยู่

เมื่อคุณเข้าสู่ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต ใครจะคิดยังไงกับคุณไม่มีความสำคัญกับคุณอีกต่อไป แต่ทำไมต้องรอให้ถึงเวลานั้นที่คุณจะมีอิสระกับตนเอง ชีวิตเป็นของคุณ จงเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างซื่อสัตย์กับตนเอง ใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาด และใช้ชีวิตอย่างที่คุณจะมีความสุข ...ชีวิตของเรา ใช้ซะ

ข่าวล่าสุด

พลังงานคุมเข้มแท่นขุดเจาะอ่าวไทย สกัดโดรนป่วน ไม่กระทบการผลิต