ปั้นวัสดุทดแทนไม้ขาที่ 3 ของธุรกิจมิตรผล
กว่า 24 ปีแล้วที่ บริษัท พาเนล พลัส ในกลุ่มมิตรผล ได้ขยายไลน์ธุรกิจจากการนำเอาชานอ้อยที่เหลือจากกระบวนการผลิตน้ำตาลมาเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตไม้ปาร์ติเกิลบอร์ด ซึ่งต่อมาได้เพิ่มกำลังการผลิตโดยนำเอาไม้ยางพาราที่ไม่สามารถให้น้ำยางได้มาผลิตเป็นไม้ปาร์ติเกิลบอร์ด และไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดเคลือบเมลามีน
กว่า 24 ปีแล้วที่ บริษัท พาเนล พลัส ในกลุ่มมิตรผล ได้ขยายไลน์ธุรกิจจากการนำเอาชานอ้อยที่เหลือจากกระบวนการผลิตน้ำตาลมาเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตไม้ปาร์ติเกิลบอร์ด ซึ่งต่อมาได้เพิ่มกำลังการผลิตโดยนำเอาไม้ยางพาราที่ไม่สามารถให้น้ำยางได้มาผลิตเป็นไม้ปาร์ติเกิลบอร์ด และไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดเคลือบเมลามีน
ปัจจุบันกลุ่มมิตรผลมีธุรกิจในเครือแบ่งเป็น 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ น้ำตาล พลังงาน เอทานอลไฟฟ้าชีวมวล และวัสดุทดแทนไม้ ซึ่งทั้ง 3 ธุรกิจหลักสร้างยอดขายรวมต่อปีไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาท
เศรษฐพงศ์ จันทนยิ่งยง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ประจำกลุ่มธุรกิจวัสดุทดแทนไม้ บริษัท พาเนล พลัส ในกลุ่มมิตรผล กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะรุกตลาดวัสดุทดแทนไม้มากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มการใช้งานมีเพิ่มขึ้น ทั้งจากตลาดในประเทศและตลาดส่งออก เหตุผลหลักมาจากภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการใช้เฟอร์นิเจอร์และวัสดุทดแทนไม้มีเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
สำหรับภาพรวมตลาดวัสดุทดแทนไม้มีแนวโน้มเติบโตขึ้นเฉลี่ยปีละ 10% ตามการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะการรุกตลาดในกลุ่มโครงการคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า เนื่องจากเป็นวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทานและดูแลรักษาง่าย และยังมีโอกาสเติบโตได้ตามไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่เปลี่ยนแปลงไป
ปัจจุบัน บริษัท พาเนล พลัส มีกำลังการผลิตรวมกว่า 6 แสนลูกบาศก์เมตรต่อปี แบ่งเป็นไม้ปาร์ติเกิลบอร์ด 3 แสนลูกบาศก์เมตร ไม้เอ็มดีเอฟ 3 แสนลูกบาศก์เมตร ขณะที่โรงงานไม้กระดาษเคลือบเมลามีน 23.5 ล้านตารางเมตรต่อปี ซึ่งถือเป็นผู้นำ 1 ใน 3 ของในตลาดเมืองไทย
ขณะที่ในปี 2555 ที่ผ่านมา บริษัทได้จำหน่ายไม้ปาร์ติเกิลบอร์ด และไม้เอ็มดีเอฟ กับไม้เคลือบเมลามีนในประเทศ ในสัดส่วน 50:50 แต่ในปีหน้าคาดว่าไม้เคลือบเมลามีน จะเพิ่มสัดส่วนขึ้นเป็น 60% หลังจากที่บริษัทรุกตลาดด้วยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่กลุ่มไม้เคลือบเมลามีน จำนวน 11 คอลเลกชัน
เศรษฐพงศ์ กล่าวว่า สำหรับตลาดต่างประเทศปีนี้ มีสัดส่วนยอดขายไม้เอ็มดีเอฟ และไม้ปาร์ติเกิลบอร์ด 80% ส่วนไม้เคลือบเมลามีนมีสัดส่วนอยู่ที่ 20% โดยตลาดส่งออกหลักคือ ประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะเข้าไปทำตลาดในประเทศอาเซียนมากขึ้น เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 โดยเล็งตลาดเป้าหมายไปยังประเทศฟิลิปปินส์ เนื่องจากมีจำนวนประชากรสูงถึง 100 ล้านคน และอินโดนีเซียที่มีประชากรถึง 260 ล้านคน ถือว่ามีประชากรรวมกันเกินกว่าครึ่งหนึ่งในกลุ่มประเทศอาเซียน และเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศนี้ยังมีการขยายตัวอย่างมาก
ด้านผลประกอบการในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขาย 3,300 ล้านบาท เติบโตขึ้น 10% จากปีที่ผ่านมามียอดขาย 3,000 ล้านบาท โดยในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมามียอดขายแล้ว 2,500 ล้านบาท และตั้งเป้าเติบโตในปี 2557 เพิ่มขึ้นอีก 10%
แม้ว่าตลาดวัสดุทดแทนไม้ จะยังไม่มีการประเมินมูลค่าตลาดที่แท้จริงไว้ แต่ถือเป็นตลาดที่น่าสนใจจากอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากความต้องการใช้งานที่เพิ่มขึ้น และต้องการใช้สินค้าที่เหมือนกับธรรมชาติ แต่ไม่ต้องการสร้างปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อม
ทั้งหมดนี้คือกลยุทธ์การทำตลาดของกลุ่มมิตรผล ที่ใช้ประโยชน์จากพืชธรรมชาติเต็มรูปแบบอย่างอ้อย หลังจากใช้ประโยชน์จากน้ำตาล รวมไปถึงไม้ยางพาราที่ไม่สามารถให้น้ำยางได้ นำมาผลิตวัสดุทดแทนไม้ จึงถือเป็นธุรกิจสีเขียวที่น่าจับตามองและมีอนาคตไกลทีเดียว


