posttoday

หมอประจักษ์ True/Untrue

01 ตุลาคม 2556

จากยอดดูกว่า 14 ล้านวิว และข้อถกเถียงในสังคมออนไลน์ว่า หมอประจักษ์ อรุณทอง ในภาพยนตร์โฆษณาทรูมูฟเอชชุดใหม่

จากยอดดูกว่า 14 ล้านวิว และข้อถกเถียงในสังคมออนไลน์ว่า หมอประจักษ์ อรุณทอง ในภาพยนตร์โฆษณาทรูมูฟเอชชุดใหม่ มีตัวตนจริงหรือไม่ หรือบางคนวิเคราะห์ว่า เป็นชีวิตจริงของหมอจากต่างประเทศ นำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์โฆษณาที่ซาบซึ้ง

ท่ามกลางปริศนาดังกล่าว ทางกลุ่มทรูมูฟเอชได้เล่าเบื้องหน้าเบื้องหลังให้ฟังว่า ภาพยนตร์โฆษณาทรูมูฟเอช ชุด “Giving” เกิดจากแนวคิดหลัก หรือธีม (Theme) ที่ว่า “การให้คือการสื่อสารที่ดีที่สุด”

ในการนำเสนอหรือพรีเซนต์แนวคิดหลักดังกล่าว มีวิธีเล่าถึงการให้ในรูปแบบต่างๆ เพื่อนำไปสู่การเชื่อมต่อว่า คือ การสื่อสารที่ดีที่สุด ด้วยวิธีให้ที่หลากหลาย โดยการให้ที่นำมาสู่ภาพยนตร์โฆษณาเรื่องทรูมูฟเอชชุดกีฟวิ้ง เป็นการให้ที่เค้าโครงเรื่องได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวในสังคมออนไลน์ เรื่องการให้โดยการรักษาพยาบาล และเชื่อว่าจะเป็นแรงบันดาลใจที่ส่งต่อไปให้กับผู้ที่ได้รับชมภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ต่อๆ ไป

ส่วนตัวละครในโฆษณา นพ.ประจักษ์ อรุณทอง ไม่ได้มีอยู่จริง เป็นเพียงตัวละครที่แต่งขึ้นเท่านั้น ซึ่งในภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ ได้มีคำชี้แจงช่วงท้ายไว้ว่า สามารถอ่านเรื่องราวเต็มได้ทางเว็บไซต์ของทรูมูฟเอช http://truemoveh.truecorp.co.th และมีการชี้แจงไว้ถึงที่มาที่ไป

เนื้อหาในภาพยนตร์โฆษณา การให้คือการสื่อสารที่ดีที่สุด มีเค้าโครงเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องราวทางสื่อสังคมออนไลน์ เรื่องของการให้โดยการรักษาพยาบาล และเชื่อว่าจะเป็นแรงบันดาลใจที่ส่งต่อไปให้กับผู้ที่รับชมภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ต่อๆ ไป ส่วนตัวละครในโฆษณาคือ


ทั้งนี้ ภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ได้สะท้อนแนวคิดของแบรนด์ทรูมูฟเอช ที่เชื่อว่า การให้คือการสื่อสารที่ดีที่สุด แม้ไม่มีคำพูดใด พลังของการให้ยังสื่อสารและเชื่อมโยงทุกชีวิตถึงกันได้ พลังของการให้ที่ไม่หวังผลตอบแทน เป็นการให้ที่อิสระอย่างแท้จริง หลังจากได้อัพโหลดภาพยนตร์โฆษณาเรื่องดังกล่าวในยูทูบปัจจุบันมียอดชมกว่า 12 ล้านครั้ง (ข้อมูลวันที่ 30 ก.ย.56) และได้กลายเป็นที่กล่าวถึงในสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง


สำหรับเนื้อหาของภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชุมชนเล็กๆ เปิดเรื่องด้วยเด็กชายคนหนึ่งถูกเจ้าของร้านขายยาด่าทอและถูกไล่ออกจากร้าน เนื่องจากขโมยยาแก้ปวดเพื่อนำไปรักษาแม่ที่ป่วย แต่ถูกเจ้าของร้านจับได้เสียก่อน ขณะนั้นเองอาเฮียขายก๋วยเตี๋ยว ซึ่งเป็นคนจิตใจดีมีเมตตาได้เห็นเหตุการณ์เข้าโดยบังเอิญ จึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือด้วยการออกค่ายาแทน พร้อมให้เกาเหลาแก่เด็กชายอีก 1 ถุง


30 ปีต่อมา ลูกสาวได้ส่งตัวอาเฮียเข้าโรงพยาบาลกะทันหันเพื่อรับการผ่าตัดสมอง แต่ด้วยค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลกว่า 7.9 แสนบาท ทำให้ลูกสาวอาเฮียต้องประกาศเซ้งร้านก๋วยเตี๋ยวเพื่อนำเงินมาจ่ายค่ารักษา วันที่ลูกสาวได้รับใบแจ้งค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลจากคุณหมอที่ดูแล เธอถึงกับประหลาดใจ เมื่อเห็นข้อความที่ว่า “ค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมด 0 บาท เนื่องจากหมอได้รับไว้แล้วเมื่อ 30 ปีก่อน” บทสรุปในตอนท้ายทำให้เรารู้ว่า จากการให้โดยไม่หวังผลของอาเฮียในวันนั้น วันนี้อาเฮียจึงได้รับผลจากการให้โดยไม่หวังผลตอบแทนราว

ข่าวล่าสุด

3 ชาติผนึกกำลังทลาย 'KK Park - ชเวก๊กโก' รังใหญ่ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์"