"ปูนเอเซีย" ชูนวัตกรรมสร้างจุดขายแข่งรายใหญ่
แม้ว่า บริษัท ปูนซีเมนต์เอเซีย จะเป็นเพียงเบอร์ 4 ในตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 13%
โดย...โชคชัย สีนิลแท้
แม้ว่า บริษัท ปูนซีเมนต์เอเซีย จะเป็นเพียงเบอร์ 4 ในตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 13% จากความต้องการใช้ภายในประเทศรวม 33 ล้านตัน แต่ก็ได้ตั้งเป้าหมายนำพาบริษัทให้เป็นผู้นำทางด้านนวัตกรรมปูนซีเมนต์ที่ได้มาตรฐานระดับโลก และมีสินค้าให้เลือกได้หลากหลายตามความต้องการของลูกค้าที่มีหลากหลาย เพื่อสร้างความต่างในตลาดปูนที่มี 3 รายใหญ่ยืนขวางหน้า
นภดล รมยะรูป กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปูนซีเมนต์เอเซีย กล่าวว่า หลังจากที่กลุ่มอิตัลซีเมนติ (Italcementi) ผู้ร่วมทุนสัญชาติอิตาลีและเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์อันดับ 5 ของโลก ได้เข้ามาถือหุ้นในบริษัท และบริษัท ชลประทานซีเมนต์ เมื่อกว่า 10 ปีก่อน ได้ให้ความสำคัญกับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาเป็นจุดแข็ง โดยทางกลุ่มได้ใช้เงินลงทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนาคิดเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 13 ล้านยูโร หรือ 0.5% ของยอดขายรวมในแต่ละปี เพื่อคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ มาตอบความต้องการของลูกค้า เช่น ปูนซีเมนต์ที่ใช้งานได้รวดเร็วเหมาะกับภาวะที่แรงงานขาดแคลน ปูนเรืองแสง ปูนซีเมนต์ที่สามารถระบายน้ำออกได้ เป็นต้น
บริษัทได้นำระบบไอโนวา (i.nova) ซึ่งเป็นการปรับโฉมผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อสามารถสื่อได้ชัดถึงสมรรถนะของกลุ่มสินค้าประกอบด้วย 11 กลุ่ม แต่ยังคงสัญลักษณ์เป็นปูนดอกบัว อาทิ i.work เป็นกลุ่มปูนมาตรฐาน i.pro เป็นกลุ่มปูนสำหรับงานฝีมือและความเชี่ยวชาญ i.tech กลุ่มปูนที่มีเทคโนโลยีสูงด้านความแข็งแกร่ง i.speed กลุ่มปูนเซตตัวเร็วเพื่องานเร่งด่วน และ i.dro กลุ่มปูนที่เกี่ยวข้องกับน้ำ เช่น การระบายน้ำ และทำงานใต้น้ำ เป็นต้น
ถือเป็นการแตกเซ็กเมนต์ปูนดอกบัวให้ครอบคลุมการใช้งานได้ในหลากหลายรูปแบบ
“ภาพรวมตลาดปูนซีเมนต์ปี 2556 ความต้องการใช้งานจะอยู่ที่ 33 ล้านตัน เติบโต 7% จากปีก่อน ส่วนใหญ่เกิดจากความต้องการใช้ตามนโยบายของภาครัฐ การขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ การขยายตัวด้านพาณิชยกรรม เป็นหลัก” นภดล กล่าว
ขณะที่ในปัจจุบันบริษัทมีโรงงานผลิตปูน 3 โรง ตั้งอยู่ที่ จ.สระบุรี นครสวรรค์ และเพชรบุรี มีกำลังการผลิตรวมสูงสุด 7.3 ล้านตันต่อปี ผลิตใช้จริงอยู่ประมาณ 80% หรือเพียง 5 ล้านตันต่อปี และได้มีการส่งออกไปยังต่างประเทศ 2 ประเทศ ได้แก่ พม่าและกัมพูชา จำนวน 78 แสนตันต่อปี โดยในส่วนของโรงงานผลิตปูนที่ จ.นครสวรรค์ และเพชรบุรีนั้น จะผลิตในนามบริษัท ชลประทานซีเมนต์ ซึ่งเน้นผลิตปูนซีเมนต์ที่เน้นนวัตกรรมเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม บริษัทประเมินว่าภาพรวมการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศปีหน้านั้นจะเติบโตประมาณ 4% ซึ่งต่ำกว่าการเติบโตในปีนี้ เนื่องจากคาดว่าโครงการรัฐบาลจาก พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทนั้น อาจจะยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงได้ทั้งหมด และยังไม่กระตุ้นให้เกิดการใช้ปูนซีเมนต์ที่สูงขึ้น
“ปีหน้าเราประเมินว่าตลาดปูนซีเมนต์อาจจะเติบโตเพียง 4% ถือเป็นการประเมินขั้นต่ำจากโครงการของภาครัฐที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่ก็อาจจะโตสูงกว่านั้นก็เป็นได้ก็เป็นสิ่งที่ดี ซึ่งจะทำให้เราเติบโตไปตามตลาดด้วย” นภดล กล่าว
สำหรับในปีนี้บริษัทได้ใช้งบประมาณในการทำตลาดจำนวน 100 ล้านบาท ซึ่งใช้ไปแล้ว 70% อีก 30% จะเน้นใช้ในไตรมาสสุดท้าย สำหรับจัดกิจกรรมส่งเสริมในช่วงหน้าขายของปี
ขณะเดียวกัน กลุ่มอิตัลซีเมนติมีแผนที่จะเข้าไปตั้งโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ในประเทศพม่า โดยอยู่ระหว่างศึกษาเรื่องกฎหมายการเข้าไปร่วมลงทุนว่าจะต้องร่วมลงทุนกับรัฐบาล หรือจะเข้าไปลงทุนเอง ปัจจุบันปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์ที่นั่นอยู่ที่เฉลี่ย 100 กก.ต่อคนต่อปี ซึ่งถือว่าต่ำมาก จึงยังมีโอกาสที่จะขยายตัวได้อีกมาก
ทิ้งท้าย นภดล กล่าวถึงราคาปูนซีเมนต์ในประเทศว่า ได้ขยับราคาขึ้นไปใกล้เคียงกับเมื่อปี 2551 ที่มีราคาขายหน้าโรงงานอยู่ที่ 2,154 บาทต่อตัน ซึ่งถือว่าไม่ได้ปรับสูงเกินที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด และหากจะปรับราคาสูงขึ้นได้นั้นก็ต้องดูจากความต้องการใช้ในตลาด ซึ่งผู้ผลิตปูนจะพยายามไม่ผลักภาระไปให้กับผู้บริโภคก่อนแน่ๆ


