posttoday

การปลอมเอกสารสำคัญ

26 กันยายน 2556

ช่วงนี้มีข่าวเกี่ยวกับการปลอมแปลงลายมือชื่อบุคคลในครอบครัว หรือบุคคลใกล้ชิดแล้วนำไปกู้ยืมเงินกับเจ้าหนี้นอกระบบและเจ้าหนี้สถาบันการเงินจำนวนหลายคดี ทนายคลายทุกข์ได้รับเรื่องร้องเรียน จึงขอนำเสนอเกี่ยวกับเรื่องการปลอมเอกสารสำคัญที่ปรากฏในสังคม ดังนี้

ช่วงนี้มีข่าวเกี่ยวกับการปลอมแปลงลายมือชื่อบุคคลในครอบครัว หรือบุคคลใกล้ชิดแล้วนำไปกู้ยืมเงินกับเจ้าหนี้นอกระบบและเจ้าหนี้สถาบันการเงินจำนวนหลายคดี ทนายคลายทุกข์ได้รับเรื่องร้องเรียน จึงขอนำเสนอเกี่ยวกับเรื่องการปลอมเอกสารสำคัญที่ปรากฏในสังคม ดังนี้

กลุ่มที่ปลอมแปลงเอกสารที่พบเห็นบ่อย มักจะเป็นบุคคลในครอบครัว เช่น สามีภริยา ญาติพี่น้อง ผู้ใต้บังคับบัญชา ผู้บังคับบัญชา เพื่อนฝูง เป็นต้น ดังนั้น ควรจัดเก็บเอกสารสำคัญ เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือสำเนาทะเบียนบ้านไว้ในที่ปลอดภัย

การปลอมแปลงเอกสารของกลุ่มมิจฉาชีพ อาชญากรรมประเภทนี้มีอยู่ทั่วไป เช่น แอบขโมยเอกสารผู้อื่นแล้วนำไปปลอมลายมือชื่อหรือเอาเอกสารที่มีผู้สมัครงานไปปลอมลายมือชื่อและนำไปขอสินเชื่อ นำเอกสารของลูกค้า และลายมือลูกค้าไปปลอมขอสินเชื่อ เป็นต้น

การปลอมลายมือชื่อไปทำนิติกรรมที่พบเห็นบ่อยและมีคดีขึ้นสู่ศาลมีหลายประเภทด้วยกัน ดังตัวอย่างต่อไปนี้

1.ปลอมลายมือชื่อของภริยาไปโอนทะเบียนรถยนต์ โดยปลอมลายมือชื่อในทะเบียนบ้านและบัตร

ประชาชนทำให้เต็นท์รถยนต์หรือผู้ซื้อรถยนต์ตรวจสอบยาก เนื่องจากผู้ที่ปลอมเป็นผู้ที่นำเอกสารมาส่งมอบด้วยตนเองและลายมือในใบโอนรถ ทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชนเหมือนกันทุกประการ ประกอบกับเป็นสามีภริยากัน ทำให้มีความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น ต่อมาภายหลังภริยามาฟ้องเพิกถอน ผู้ซื้อหรือเต็นท์รถยนต์มักแพ้คดี เพราะไม่มีกฎหมายคุ้มครอง ดังนั้น เจ้าของเต็นท์หรือผู้ซื้อรถมือสองต้องระวัง

2.การปลอมลายมือชื่อผู้ค้ำประกันของคู่สมรสหรือหนังสือให้ความยินยอมในการกู้เงินกับสถาบันและเจ้าหนี้ คดีประเภทนี้มีมากในศาล เนื่องจากลูกหนี้ที่ขอสินเชื่อเป็นลูกค้าประจำของธนาคาร ทำให้ฝ่ายสินเชื่อมีความไว้วางใจ จึงละเลยต่อขั้นตอนที่ธนาคารกำหนดว่า ผู้ทำนิติกรรมต้องลงลายมือชื่อต่อหน้าพนักงานสินเชื่อ เพราะไว้วางใจกันทำให้เกิดช่องว่าง จึงเกิดคดีความที่เป็นข่าว ธนาคารมักเสียเปรียบ ทำให้เสียสิทธิในการเรียกร้องจากผู้ค้ำประกัน ซึ่งมักอ้างว่าลายมือปลอม จึงเท่ากับว่าผู้ค้ำประกันไม่ได้แสดงเจตนาทำนิติกรรมผูกพันตนเพื่อชำระหนี้ ในเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้กับเจ้าหนี้หรือสถาบันการเงิน ดังนั้น ฝ่ายสินเชื่อจะต้องระวังเรื่องแบบนี้ให้มากขึ้น ปัจจุบันคดีที่แจ้งความไว้ที่กองปราบเป็นกรณีเจ้าหน้าที่สินเชื่อของธนาคารต่างประเทศ ร่วมมือกับนายทุนเงินกู้นอกระบบและผู้ขอสินเชื่อมีการปลอมแปลงเอกสารจำนวนหลายรายการ ความเสียหายหลายสิบล้านบาทเกิดขึ้นกับธนาคารเจ้าหนี้

3.การปลอมสเตตเมนต์ รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือนถึง 8 เดือน ตามที่ธนาคารกำหนด เพื่อประกอบการขอสินเชื่อ คดีประเภทนี้ก็มีมาก ส่วนใหญ่ฝ่ายสินเชื่อธนาคารจะร่วมมือกับผู้ขอสินเชื่อไม่มีการรับรองเอกสารหรือใช้ลายมือปลอมรับรองเอกสาร โดยที่ไม่มีการเทียบต้นฉบับและอนุมัติสินเชื่อโดยพวกเดียวกันที่เรียกว่าโกงเป็นทีม หรือชงเองกินเอง คดีแบบนี้ก็มีอยู่เต็มศาล

4.พวกนำบัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเครดิตของบุคคลอื่นที่ธนาคารส่งไปตามบ้านหรือคอนโดแอบเซ็นรับ เปิดอ่าน ดูรหัส แจ้งเปิดรหัส และลงลายมือชื่อปลอมหลังบัตร และนำไปรูดซื้อสินค้าหรือกดเงินสด คดีประเภทนี้ก็มีมาก และสร้างความเสียหายอย่างมโหฬาร ยากในการป้องกัน ดังนั้น ธนาคารและผู้ขอบัตรจะต้องระมัดระวัง เกี่ยวกับสถานที่จัดส่งบัตรเอทีเอ็มและบัตรเครดิตให้มากกว่านี้

5.ผู้ขอสินเชื่อมาขอกู้เงินมาด้วยกัน 2 คน เมื่อธนาคารให้ลงลายมือชื่อ สามีลงชื่อแทนภริยา ภริยาลงชื่อแทนสามี อาศัยตอนที่เจ้าหน้าที่สินเชื่อเผลอ คดีแบบนี้ก็มีอยู่หลายคดีเหมือนกัน เมื่อฟ้องศาลลูกหนี้มักจะขอส่งลายมือชื่อไปตรวจพิสูจน์ ถ้ากองพิสูจน์หลักฐานส่งผลพิสูจน์ว่าไม่เหมือนกันก็จะทำให้แพ้คดี ฝ่ายสินเชื่อจึงต้องระมัดระวังมิจฉาชีพพวกนี้ให้มาก

เคยมีคดีขึ้นสู่ศาลฎีกาและศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ผู้เชี่ยวชาญกองพิสูจน์หลักฐานจะมีความเห็นว่าลายมือชื่อของจำเลยในเอกสารต่างๆ กับลายมือชื่อของจำเลยในสัญญากู้ไม่ใช่ลายมือชื่อของคนเดียวกันก็ตาม แต่โจทก์จำเลยไม่ได้ตกลงท้ากันให้ถือความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเป็นข้อแพ้ชนะ ความคิดเห็นตามหลักวิชาของพยานผู้เชี่ยวชาญเป็นพยานที่ศาลรับฟัง แต่มิใช่ว่าผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นอย่างไร ศาลต้องรับฟังตามนั้นเสมอไป

กฎหมายอ้างอิงเกี่ยวกับคดีปลอมเอกสาร

ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264 ผู้ใดทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใดๆ ในเอกสารที่แท้จริง หรือประทับตราปลอม หรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ถ้าได้กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเอกสารต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ผู้ใดกรอกข้อความลงในแผ่นกระดาษหรือวัตถุอื่นใด ซึ่งมีลายมือชื่อของผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอม หรือโดยฝ่าฝืนคำสั่งของผู้อื่นนั้น ถ้าได้กระทำเพื่อนำเอาเอกสารนั้นไปใช้ในกิจการที่อาจเกิดเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชน ให้ถือว่าผู้นั้นปลอมเอกสารต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน

มาตรา 265 ผู้ใดปลอมเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท

มาตรา 268 ผู้ใดใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดตามมาตรา 264 มาตรา 265 มาตรา 266 หรือมาตรา 267 ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นๆ

ถ้าผู้กระทำความผิดตามวรรคแรกเป็นผู้ปลอมเอกสารนั้น หรือเป็นผู้แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความนั้นเองให้ลงโทษตามมาตรานี้แต่กระทงเดียว

ข่าวล่าสุด

Sponge City Tourism เมื่อเมืองเลิกสู้กับน้ำ แล้วหันมา “อยู่ร่วมกับมัน”