ดาวเทียมค้างฟ้า
หากเอ่ยถึงเรื่องของดาวเทียม ฟังดูเผินๆ อาจดูเป็นเรื่องไกลตัว เพราะโคจรอยู่ชั้นอวกาศ และคงไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการใช้ชีวิตประจำวันของเรามากนัก
หากเอ่ยถึงเรื่องของดาวเทียม ฟังดูเผินๆ อาจดูเป็นเรื่องไกลตัว เพราะโคจรอยู่ชั้นอวกาศ และคงไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการใช้ชีวิตประจำวันของเรามากนัก
มากนัก ลำพังชีวิตปกติประจำวันเราก็
แต่จริงๆ แล้ว ดาวเทียมเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับประชาชนคนไทย เพราะถือเป็นทรัพยากรของชาติที่ทุกคนมีสิทธิโดยเท่าเทียมกัน
ทั้งนี้ เพราะดาวเทียมอยู่บนวงโคจรค้างฟ้า ซึ่งวงโคจรนี่แหละเป็นสิทธิของประเทศไทยที่ได้รับจากสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ไอทียู) และต้องรักษาสิทธิโดยการส่งดาวเทียมขึ้นไปประจำตำแหน่งที่วงโคจรนั้นๆ
ปัจจุบันไทยได้รับสิทธิใน 4 ตำแหน่ง คือ 50.5 78.5 119.5 และ 120 องศาตะวันออก
ยังไม่นับรวมพิกัด 126 และ 142 องศาตะวันออก ที่ไทยกำลังยื่นขออีกรอบ หลังจากเคยได้รับสิทธิและหลุดมือไปก่อนหน้านี้
สำหรับการให้บริการดาวเทียมนั้น กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ได้ให้สัมปทานกับ บริษัท ไทยคม ซึ่งได้ยิงดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรแล้ว 5 ดวง โดยดวงที่ยังมีการใช้งานอยู่ คือ ไทยคม 4 หรือ ไอพีสตาร์ และ ไทยคม 5 ที่ 119.5 และ 78.5 องศาตะวันออก
อย่างไรก็ตาม วงโคจรที่ไม่ได้มีดาวเทียมอยู่นั้น ไอซีทีได้ให้ไทยคมทำหน้าที่เจรจาลากดาวเทียมดวงอื่นมาประจำตำแหน่งไว้ก่อน คือ ดาวเทียมจากประเทศจีน ที่ 120 องศาตะวันออก และดาวเทียมจากประเทศลักเซมเบิร์ก ที่ 50.5 องศาตะวันออก ก่อนที่ไทยคมจะส่งดาวเทียมเพื่อให้บริการจริงๆ ขึ้นสู่วงโคจรภายหลัง
และดาวเทียมที่อยู่บนวงโคจรทั้งหมดก็เป็นจุดเชื่อมต่อให้เราสามารถรับชมรายการโทรทัศน์ต่างๆ และใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ในปัจจุบัน
ดังนั้น จะเห็นว่าเรื่องของดาวเทียมไม่ใช่เรื่องไกลตัวอย่างที่เข้าใจ และวงโคจรก็เป็นทรัพยากรที่เราต้องหวงแหน เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่ไทยจะได้ครอบครองวงโคจรในอวกาศ ซึ่งถือเป็นทรัพยากรของมวลมนุษยชาติ


