แน่นจริง
หลังจากวันพุธที่แล้ว (21 ส.ค.) ผมได้ระบาย เอ้ย! บอกเล่าถึงปัญหา “แน่นอกแน่นใจ” เรื่องความหนาแน่นและแออัดของจำนวนประชากรในเขตเมืองที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตคนอาเซียน มาวันนี้ขอพูดถึงภาคต่อคือ เรื่องความหนาแน่นของชุมชนแออัด หรือสลัมในเขตเมือง บ้าง
หลังจากวันพุธที่แล้ว (21 ส.ค.) ผมได้ระบาย เอ้ย! บอกเล่าถึงปัญหา “แน่นอกแน่นใจ” เรื่องความหนาแน่นและแออัดของจำนวนประชากรในเขตเมืองที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตคนอาเซียน มาวันนี้ขอพูดถึงภาคต่อคือ เรื่องความหนาแน่นของชุมชนแออัด หรือสลัมในเขตเมือง บ้าง
พูดถึงสลัม ผมไม่แน่ใจว่าแต่ละท่านเคยนั่งนิยามหรือไม่ แล้วนิยามว่าอะไร หน้าตายังไง แต่โครงการพัฒนาการตั้งถิ่นฐานมนุษย์ องค์การสหประชาชาติ (UNHABITAT) นิยามไว้ชัดเจนแล้วว่า สลัมคือชุมชนที่มีคุณสมบัติอย่างน้อย 1 จาก 5 ข้อต่อไปนี้
1.ขาดแคลนการเข้าถึงน้ำสะอาด 2.ขาดแคลนการเข้าถึงสุขอนามัยที่ดี 3.ที่อยู่อาศัยไม่มั่นคงถาวร 4.ที่อยู่อาศัยไม่เพียงพอสำหรับคนในครอบครัว และ 5.ขาดแคลนหลักฐานที่ชัดเจนในการยืนยันการครอบครองสิทธิในตัวบ้าน หรือที่ดินในบริเวณนั้น
ทุกท่านเชื่อหรือไม่ครับว่า แค่ประเทศกำลังพัฒนาเพียงอย่างเดียว มีประชากรเมืองอาศัยอยู่ในสลัมตามนิยามข้างบนมากถึง 863 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 650 ล้านคน ในปี 2533 และ 760 ล้านคนในปี 2543 ขยี้ให้ชัดคือ ทั่วโลกมีประชากร 6,0007,000 ล้านคน แต่เป็นคนในชุมชนแออัดแล้วมากกว่า 10%
หันกลับมาที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ข้อมูลจากรายงานเป้าหมายการพัฒนาสหัสวรรษ องค์การสหประชาชาติ (MDGs) ประจำปี 2556 ระบุว่า ในปี 2543 มีผู้อาศัยอยู่ในสลัม 39.6% ของประชากรเขตเมือง ขณะที่ในปี 2555 ที่ผ่านมา ประมาณการว่ามีผู้อาศัยอยู่ในสลัมลดลงเหลือ 31%
หากเจาะข้อมูลกันต่อไปเป็นรายประเทศ จะพบว่า เมื่อปี 2548 นั้น ลาวและกัมพูชามีสัดส่วนประชากรในเมืองที่อาศัยอยู่ในสลัมเกือบ 80% กล่าวให้ชัดคือสาธารณูปโภคที่ดียังไม่เข้าถึงแต่ละประเทศ
ขณะที่ประเทศอื่นๆ นั้น แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ดีกว่า แต่ไม่สามารถพูดได้ “เต็มปากเต็มคำ” ว่าคุณภาพชีวิตของคนในเมืองนั้นดีแล้ว ไทยและอินโดนีเซียยังมีประชากรสลัมในเขตเมืองมากถึง 27% และ 23% ตามลำดับ
หมายความว่าหากไทยมีประชากรในเขตเมือง 10 ล้านคน ก็จะมีประชากรในสลัมถึง 2.7 ล้านคน
ในแผนงานการจัดตั้งประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (เอเอสซีซี บลูปริ๊นท์) มีเป้าหมายย่อยข้อหนึ่ง ระบุว่า ส่งเสริมคุณภาพมาตรฐานการดำรงชีวิตในเมืองต่างๆ ของอาเซียนและเขตเมือง แต่ยังไม่มีมาตรการชัดเจนในการลดจำนวนประชากรสลัมในเขตเมืองเลย
คำถามต่อไปคือ ในภาวะที่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ประชาคม การค้าการลงทุนระหว่างกันมากขึ้น การเคลื่อนย้ายคนไปมาเพิ่มขึ้น เมืองมีผู้คนมากขึ้น ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร
1.การค้าการลงทุนจะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัว มีการพัฒนาสาธารณูปโภค จนคุณภาพชีวิตของคนสลัมในเขตเมืองดีขึ้น จำนวนผู้อาศัยอยู่ในสลัมน้อยลง หรือ 2.การค้าการลงทุน ยิ่งส่งผลให้ผู้คนในสลัมถูกเบียดเบียนมากขึ้น พื้นที่อยู่อาศัยน้อยลง ถูกบังคับให้ต้องไปอยู่ในพื้นที่ที่แออัดยัดเยียดกว่าเดิม
สำหรับผม ผมเชื่อว่าทั้งสองแบบจะเกิดขึ้นพร้อมกัน กลุ่มผู้คนที่ปรับตัวได้ ก็จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่กลุ่มที่ปรับตัวไม่ได้ และยังยืนยันอยู่ในจุดเดิม จะยิ่งกลายเป็นกลุ่มที่มีคุณภาพชีวิตเหลื่อมล้ำกับผู้คนในสังคมเมืองอย่างมาก
บางทีอาเซียนน่าจะมีนโยบายพัฒนา “สลัม” ที่ชัดเจน ไม่ใช่มีแต่นโยบายพัฒนาเมืองที่แน่นอยู่แล้วเช่นนี้


