“แฮงกี แพงกี” ชุดชั้นในเปลี่ยนชีวิตผู้หญิง
“เราไม่ได้ขายแค่ชุดชั้นใน แต่กำลังสนับสนุนให้ผู้หญิงทุกคนยอมรับและภาคภูมิใจในพลังและอิทธิพลของตัวเอง”
โดย...ณัฐสุดา จิตตปาลพงศ์
“เราไม่ได้ขายแค่ชุดชั้นใน แต่กำลังสนับสนุนให้ผู้หญิงทุกคนยอมรับและภาคภูมิใจในพลังและอิทธิพลของตัวเอง”
คำกล่าวข้างต้นของ เกล เอ็บสไตน์ ผู้ประกอบการหญิงชาวอเมริกันนั้น ถือได้ว่าเป็นการตอกย้ำความสำคัญของ “แฮงกี แพงกี” (Hanky Panky) ธุรกิจชุดชั้นในสตรีที่เจ้าตัวร่วมก่อตั้งขึ้นกับ ลิดา ออร์เซ็ก เพื่อนซี้ที่คบกันมานานถึง 34 ปี ที่มีต่อชีวิตของสตรีอเมริกัน
เพราะนับตั้งแต่ก่อตั้งธุรกิจเมื่อปี 1977 จนกระทั่งถึงปัจจุบัน สิ่งเดียวที่สองผู้ประกอบการสาวให้ความสำคัญมากที่สุดก็เห็นจะเป็น “ความเปลี่ยนแปลง” ที่เกิดขึ้นในชีวิตของลูกค้าหลังได้มีโอกาสสวมใส่ชุดชั้นในของแฮงกี แพงกี นั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “กางเกงในสายเดี่ยว” อันเลื่องชื่อของบริษัท ซึ่งว่ากันว่าเป็นกางเกงในสายเดี่ยวที่ใส่สบายที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลยทีเดียว
ความเอาใจใส่ต่อลูกค้านั้นพิสูจน์ให้เห็นจากการเปิดโอกาสให้สาวกแฮงกี แพงกี ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์ส่วนตัวกับชุดชั้นในตัวโปรด โดยเรื่องราวนั้นมีทั้งเรื่องซึ้ง ประทับใจ และที่ขาดไม่ได้ก็คือเรื่องฮา
เอ็บสไตน์ เล่าว่า จุดเริ่มต้นของแฮงกี แพงกี นั้นเกิดขึ้นเมื่อสาวเจ้า ซึ่งเรียนจบด้านแฟชั่นดีไซน์ ตัดสินใจนำผ้าเช็ดหน้าลูกไม้มาตัดเย็บเป็นชุดยกทรงและกางเกงใน เพื่อมอบเป็นของขวัญวันเกิดให้กับออร์เซ็ก
“ยุคนั้นเป็นช่วงที่กระแสเฟมินิสต์กำลังมาแรงสุดๆ ฉันก็เลยคิดที่จะนำผ้าเช็ดหน้า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผู้หญิงยุควิกตอเรียมาดัดแปลงเป็นอะไรที่เซ็กซี่ และเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นใจของสตรีแทน” เอ็บสไตน์ เผย
ด้าน ออร์เซ็ก ซึ่งมีดีกรีเป็นถึงนักสังคมวิทยา ปลื้มกับชุดชั้นในที่เพื่อนซี้เย็บให้สุดๆ จึงชักชวนเพื่อนสร้างธุรกิจชุดชั้นในของตัวเอง โดยตั้งชื่อสุดเก๋ว่า “แฮงกี แพงกี”
ในส่วนของการแบ่งงานนั้น แน่นอนว่า เอ็บสไตน์จะดูแลส่วนของดีไซน์และการผลิต ขณะที่ออร์เซ็กจะดูแลเรื่องการจัดส่งสินค้าและการติดต่อผู้ซื้อนั่นเอง
สองสาวยอมรับว่าแม้ในช่วงแรก แฮงกี แพงกี จะเติบโตช้า ทว่าเป็นการเติบโตที่มั่นคง โดยมีรายได้ทะลุ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังเปิดตัวได้ 4 ปี
อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี 1996 หลังบริษัทเปิดตัว “กางเกงในสายเดี่ยวลูกไม้” ซึ่งมีจุดเด่นตรงที่ใส่สบายต่างกับกางเกงในสายเดี่ยวทั่วๆ ไป และที่สำคัญก็คือยังไร้รอยตะเข็บ ดังนั้น จึงเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ โดยเฉพาะเวลาต้องสวมชุดราตรีหรือไม่ก็กระโปรงทรงเอ
“มันคือกางเกงในสายเดี่ยวที่ใส่สบายเหมือนกางเกงในทั่วไป” ออร์เซ็ก เผย พร้อมย้ำว่า ในช่วงแรกที่เปิดตัวกางเกงในสายเดี่ยว มีดาราคนดังจำนวนมากไล่เรียงตั้งแต่ ซินดี้ ครอว์ฟอร์ด ซูเปอร์โมเดลคนดัง ตลอดจนนักแสดงสาวสุดสวยอย่างจูลิแอนด์ มัวร์ หันมาอุดหนุนแฮงกี แพงกี อย่างไม่ขาดสาย
ความสำเร็จในช่วงนั้นได้แปรผันมาเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ เพราะไม่ได้เตรียมรับมือกับใบสั่งสินค้าที่ไหลทะลักเข้ามาอย่างรวดเร็วจนแทบจะผลิตสินค้าไม่ทัน
“ถือเป็นประสบการณ์ที่น่ากลัวมาก ห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ทั่วประเทศสั่งสินค้าของเรา แต่โชคดีที่เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับซัพพลายเออร์ ซึ่งทั้งหมดนั้นอยู่ในสหรัฐ พวกเขาก็เข้าใจเราดีและพร้อมที่จะช่วยเหลือเรา” ออร์เซ็ก เล่า
นอกจากนี้ อีกกุญแจสู่ความสำเร็จก็คือ ความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งของสองเพื่อนซี้ โดยทั้งสองคนยอมรับว่าแม้จะร่วมกันก่อตั้งแฮงกี แพงกี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต่างฝ่ายก็ต้องให้พื้นที่ซึ่งกันและกันในการทำงาน รวมทั้งมีการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน ซึ่งในส่วนของการแบ่งงานนั้นจะอิงกับจุดแข็งของแต่ละคนเป็นหลัก
ทั้งนี้ ปัจจุบัน แฮงกี แพงกี มีรายได้ราว 12 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี และที่สำคัญก็คือยังมีการขยายโปรดักต์ไลน์ด้วยการเพิ่มสินค้าใหม่ๆ อาทิ ชุดนอนสุดเซ็กซี่ และชุดชั้นในสำหรับเจ้าสาว เป็นต้น
ด้าน ออร์เซ็ก เผยว่า แม้ปัจจุบันจะมีคู่แข่งจำนวนมาก อาทิ วิกตอเรีย ซีเคร็ต ซึ่งจำหน่ายกางเกงในสายเดี่ยวในราคาที่ต่ำกว่าของแฮงกี แพงกี ถึง 3 เท่า รวมทั้งบริษัทอื่นๆ ที่หันมาผลิตกางเกงในผ้าลูกไม้มากขึ้น ทว่าทางบริษัทก็ไม่เคยหวาดหวั่น
เพราะเชื่อว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แบรนด์แฮงกี แพงกี ก็แข็งแกร่งพอที่จะสู้และที่สำคัญ “เอาชนะ” คู่แข่งเหล่านี้ได้


