สร้างบ้านให้ปลา สร้างความยั่งยืน ประมงพื้นบ้าน
ปัญหาทรัพยากรทางทะเลที่เสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ปริมาณสัตว์น้ำลดน้อยลง ส่งผลกระทบต่ออาชีพชาวประมงพื้นบ้าน
โดย...ทีมงานธุรกิจติดดาว
ปัญหาทรัพยากรทางทะเลที่เสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ปริมาณสัตว์น้ำลดน้อยลง ส่งผลกระทบต่ออาชีพชาวประมงพื้นบ้าน ที่ทำมาหากินแถบชายฝั่งทะเลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่นที่บริเวณปากน้ำชุมพร อ.เมือง จ.ชุมพร ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่ทำอาชีพประมงพื้นบ้าน ด้วยเรือประมงขนาดเล็กและใช้เครื่องมือจับสัตว์น้ำแบบง่ายๆ เช่น เบ็ด แห ลอบ ไซ อวนจมปู อวนลอยปลา และอวนลอยกุ้ง
จากปัญหาดังกล่าวทำให้ชาวประมงพื้นบ้านต้องทำมาหากินลำบากขึ้น เนื่องจากสัตว์น้ำตามแนวชายฝั่งนั้นหายาก ทำให้ต้องออกเรือไปไกลและยังต้องแบกรับต้นทุนค่าใช้จ่ายในการออกเรือประมงที่สูงขึ้นเกือบเท่าตัว
ทัศน์รา วงศ์อาทิตย์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 4 ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ชุมพร เล่าว่า ชาวบ้านที่ปากน้ำชุมพร มีอาชีพออกเรือประมงจับสัตว์น้ำไปขายมีทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา หารายได้เลี้ยงครอบครัว แต่ปัจจุบันนี้การทำประมงชายฝั่ง ต้องประสบปัญหาปริมาณสัตว์น้ำลดน้อยลง ไม่สามารถจับไปขายได้ ทำให้เงินหาเลี้ยงครอบครัวก็ลดน้อยลงไปตามๆ กัน
ชาวประมงปากน้ำชุมพร ได้พยายามคิดค้นหาวิธีแก้ไขปัญหา จนกระทั่งมาได้รับการสนับสนุนจากบริษัท ซาลามานเดอร์ เอนเนอร์ยี่ ที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ให้กับชาวประมงพื้นบ้าน ด้วยการสร้างบ้านให้ปลา โดยการสนับสนุนชาวบ้านทำซั้งเชือก
สอดคล้องกับที่ ภัทรชัย สนธิขันธ์ ผู้ประสานงานกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท ซาลามานเดอร์ เอนเนอร์ยี่ กล่าวว่า เมื่อชาวบ้านเกิดปัญหาดังกล่าว ทางบริษัท ซาลามานเดอร์ เอนเนอร์ยี่ ซึ่งมีนโยบายมุ่งมั่นในการเป็นมิตรที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม เป็นพันธมิตรที่ดีและยั่งยืนของชุมชนท้องถิ่นในทุกพื้นที่ที่เราปฏิบัติงาน จากนโยบายที่ชัดเจนในด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
โดยให้ความสำคัญใน 3 ด้านหลัก คือ การส่งเสริมการศึกษา การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนอย่างยั่งยืน บริษัทให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชน ในการดำเนินกิจกรรมและโครงการต่างๆ เนื่องจากเราเชื่อว่า ชุมชนเป็นผู้ที่เข้าใจปัญหาและมีแนวทางแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมตามลักษณะเฉพาะของแต่ละชุมชน เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างบริษัทกับชุมชนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืน
พร้อมกันนี้ ยังได้ร่วมกับตัวแทนชาวบ้านบริเวณปากน้ำชุมพร ทำการสำรวจและประชุมระดมความคิด เพื่อหาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้กับชาวบ้าน โดยได้ข้อสรุปร่วมกันในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและสามารถช่วยให้ชาวประมงพื้นบ้านมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นั่นก็คือ “การทำซั้งเชือก” หรือการสร้างบ้านให้ปลา เพื่อเป็นแหล่งวางไข่และที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ
“ซั้ง” หรือปะการังเทียมพื้นบ้าน เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่มีมาแต่อดีต เป็นเครื่องมือดึงดูดสัตว์น้ำให้มาอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก เพื่อความสะดวกในการทำการประมง โดยการนำซั้ง หรือทุ่นปะการังเทียมไปทิ้งไว้ในทะเลเพื่อใช้เป็นแหล่งอาศัยและแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำขนาดเล็ก ในเชิงอนุรักษ์ “ซั้ง” ยังเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อให้สัตว์น้ำได้เข้ามาอยู่อาศัย เพาะพันธุ์ วางไข่ ก่อนที่จะเจริญเติบโตต่อไป
วรวิทย์ พุ่มพวง เลขาสมาคมเรืออวนซั้งและเรือร่วมปากน้ำชุมพร เล่าว่า ที่ผ่านมาชาวบ้านมีการทำซั้งจากเศษวัสดุธรรมชาติ แต่อายุการใช้งานของ “ซั้ง” ที่ทำด้วยวัสดุธรรมชาติจะอยู่ได้ไม่นาน และเกิดการชำรุดเสียหายได้ง่าย โดยเฉพาะช่วงมรสุม และเมื่อทางบริษัท ซาลามานเดอร์ เอนเนอร์ยี่ เข้ามาช่วยสนับสนุนการทำซั้งเชือก ทดแทนซั้งจากเศษวัสดุธรรมชาติแบบเดิม ก็ทำให้เราได้บ้านปลาบ้านที่มั่นคงถาวรมากขึ้น เกิดประโยชน์ต่อชาวบ้านทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นการทำประมงหาปลา อวนหมึก หรือจากการเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเล
“ซั้งเชือก” ทำจากเชือกไนล่อนขนาดใหญ่ ฉีกแยกเป็นเส้นเล็กๆ ทำลักษณะคล้ายๆ กับพุ่มไม้ การทิ้งซั้งเชือกหรือทุ่นปะการังเทียมลงไปในทะเล ต้องใช้ก้อนหินหรือปูนซีเมนต์ ถ่วงไว้ใต้น้ำ เพื่อให้เชือกกระจายตัวออกคล้ายปะการังเทียมหรือดอกไม้ทะเล
การสร้างซั้งเชือก เท่ากับเป็นการสร้างบ้านให้ปลา สร้างรายได้ให้กับชุมชนได้อย่างยั่งยืน ความสำเร็จของ “โครงการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเลด้วยซั้งเชือกในจังหวัดชุมพร” จึงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการทำงานร่วมกันระหว่างบริษัทกับชุมชน โดยมีวัตถุประสงค์ในการสร้างแหล่งวางไข่และที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำเพื่อเพิ่มปริมาณทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งผลที่สุดแล้วจะเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้แก่ชาวประมงชายฝั่งที่มีข้อจำกัดด้านขนาดเรือ ไม่สามารถออกไปจับปลาไกลจากฝั่งได้
นับตั้งแต่การเริ่มดำเนินโครงการในเดือน พ.ค. ชาวประมงชายฝั่งในพื้นที่ หมู่ 4 ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ชุมพร ซึ่งมีจำนวนประมาณ 300 คน ได้รับประโยชน์โดยตรงจากโครงการ โดยในแต่ละวันจะมีเรือประมงขนาดเล็กประมาณ 3040 ลำ ออกหาปลา หมึกและกุ้งในพื้นที่โครงการ และสามารถจับปลาและกุ้งได้มากถึง 1,000 กิโลกรัมต่อวัน สามารถสร้างอาชีพและรายได้ที่มั่นคงให้กับชาวประมงได้ โดยไม่ต้องออกเรือไปทำการประมงไกลๆ นับเป็นแบบอย่างในการจัดการทรัพยากรประมงโดยการอาศัยชุมชนมีส่วนร่วมอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านประโยชน์ของ ซั้งเชือก ไม่เพียงแต่เป็นบ้านให้ปลา ยังมีประโยชน์ทางอ้อม คือ ป้องกันเรือประมงขนาดใหญ่ เช่น เรืออวนลากไม่ให้เข้ามาทำการประมงในเขตน่านน้ำหวงห้ามได้ และยังทำให้ปลานานาชนิดได้มาอาศัยอยู่รวมกัน ไม่เพียงแต่ปลาเท่านั้น สัตว์น้ำอื่นๆ ทั้งกุ้ง หอย หรือแม้แต่ปูก็เข้ามาอาศัย ทำให้ชาวบ้านสามารถจับสัตว์น้ำไปขายได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังเป็นการฟื้นฟูทรัพยากรประมง รักษาสิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศทางทะเลอีกด้วย


