คนเวียดนามสัญชาติไทย
เป็นที่รู้กันดีว่า จ.หนองคาย อุดรธานี และอุบลราชธานีเป็นจังหวัดที่มีชาวเวียดนามอพยพเข้ามาอยู่เป็นจำนวนมาก และอาศัยอยู่มานานตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่า
เป็นที่รู้กันดีว่า จ.หนองคาย อุดรธานี และอุบลราชธานีเป็นจังหวัดที่มีชาวเวียดนามอพยพเข้ามาอยู่เป็นจำนวนมาก และอาศัยอยู่มานานตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่า
เช่นเดียวกับ ฟานก๊วกเหล่ย เลขานุการสมาคมเวียดนามแห่งประเทศไทย และอาจารย์สอนภาษาเวียดนามประจำโรงเรียนปทุมเทพวิทยาคาร ที่อยู่เมืองไทยมานานจนได้รับสัญชาติไทย พร้อมทั้งมีชื่อและนามสกุลแบบไทยๆ ที่ว่า “ธนวินท์ พานแก้วชูวงศ์”
อาจารย์ฟาน เล่าให้ฟังว่า บรรพบุรุษดั้งเดิมอยู่ที่เมืองเหงะอาน (Nghe An) อยู่ทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม แต่ครอบครัวเข้ามาตั้งรกรากอยู่ที่หนองคายนานแล้ว ตัวเองเกิดและโตที่เมืองไทย และได้รับสัญชาติไทยด้วย
“ในมุมมองของผมคิดว่าวัฒนธรรมไทยเวียดนามมีความคล้ายคลึงกันมาก เพราะเป็นคนอาเซียนเหมือนกัน เพียงแต่วัฒนธรรมเวียดนามจะค่อนไปทางจีนมากกว่าไทยเท่านั้นเอง”
สำหรับเรื่องอาหารการกินก็จะต่างกันเล็กน้อย เพราะอาหารเวียดนามส่วนใหญ่จะเน้นผัก และกินอาหารรสจืด ขณะที่อาหารไทยรสจะจัดกว่า แต่ก็อย่างที่เห็น อาหารเวียดนามอย่างแหนมเนืองก็มีการนำมาประยุกต์ให้มีรสชาติแบบไทยๆ จนกลายเป็นอาหารขึ้นชื่อประจำ จ.หนองคายไป
ไม่เพียงเท่านี้ อาจารย์ฟานยังเล่าเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ให้ฟังว่า รู้ไหมทำไมคนเวียดนามถึงชอบกินผัก นั่นก็เพราะว่าชุดประจำชาติของเวียดนาม (อ๋าว หญ่าย) ถูกออกแบบมาเพื่อให้ใส่แล้วออกมาหุ่นดี จึงเป็นการบังคับให้สาวๆ เวียดนามต้องคุมหุ่นไปในตัว เพราะหากปล่อยให้อ้วนจนใส่ชุดประจำชาติไม่ได้ ก็จะรู้สึกอายคนอื่นเขา
ส่วนเรื่องต่างกันคงจะเป็นเรื่องของความกระตือรือร้นในการศึกษา เพราะนักเรียนในประเทศเวียดนามจะมีความตั้งใจเรียนมาก และมีระเบียบวินัยในตัวเองสูง จะเห็นได้จากการแสดงออกในห้องเรียน ที่เด็กเวียดนามจะแย่งกันนั่งหน้าเพื่อจดและฟังครูสอน รวมทั้งยังแย่งกันยกมือเพื่อตอบคำถามของครูในชั้นเรียนด้วย ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากการแข่งขันภายในประเทศที่มีอยู่สูงนั่นเอง เพราะเวียดนามมีประชากรเยอะ ทำให้อัตราการแย่งงานกันทำมีสูงตามไปด้วย
ขณะที่เด็กนักเรียนไทยจะไม่ค่อยกล้าแสดงออกในการยกมือขึ้น เพื่อตอบหรือถามคำถามที่ตัวเองไม่เข้าใจในบทเรียนนั้นๆ
สำหรับปัญหาด้านการศึกษาที่มีเหมือนและคล้ายกับประเทศไทยก็คือ เรื่องค่านิยมของผู้ปกครองที่ต้องการให้ลูกหลานเรียนระดับปริญญาตรีมากกว่าสายอาชีพ ทั้งๆ ที่ความต้องการแรงงานในระดับอาชีวศึกษามีสูงและยังขาดแคลนอีกมาก
นอกจากนี้ ในระดับมหาวิทยาลัย เวียดนามยังส่งเสริมให้นักศึกษาเรียนภาษาเพื่อนบ้านในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนอีกด้วย เช่น ในแถบเมืองฮานอยและโฮจิมินห์ ก็จะเน้นสอนภาษาไทยให้นักศึกษา เนื่องจากเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวจากไทยเข้าไปเยอะ
อาจารย์ฟานยังพูดถึงความร่วมมือระหว่างไทยและเวียดนามว่า ในฐานะที่ตนสวมหมวกเป็นเลขานุการสมาคมเวียดนามแห่งประเทศไทยอีกตำแหน่ง จึงมีหน้าที่รับผิดชอบในการประสานความร่วมมือการแลกเปลี่ยนบุคลากรครูระหว่างไทยเวียดนามด้วย
เบื้องต้นได้ประสานความร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการของเวียดนามส่งครูเวียดนามเข้ามาสอนภาษาเวียดนามในโรงเรียนไทย 2 คนต่อปี
“สาเหตุที่จำนวนครูเวียดนามที่ส่งเข้ามาแลกเปลี่ยนกันมีน้อย เพราะโรงเรียนแถบนี้ใช้วิธีเปิดให้ชาวบ้านท้องถิ่น (ปราชญ์ชาวบ้าน) ที่มีความรู้เกี่ยวกับภาษาเวียดนามเข้ามาช่วยสอนให้ แต่ในอนาคตหากมีความต้องการสูงขึ้น สมาคมก็พร้อมส่งครูให้เพิ่มขึ้นเช่นกัน”
พร้อมกันนี้ อาจารย์ฟานยังแอบกระซิบบอกถึงเคล็ดลับในการสอนภาษาเวียดนามให้เด็กไทยเข้าใจได้ง่ายๆ คือ การใช้เทคนิคฟังพูด และเน้นการสนทนาเป็นหลัก เพื่อให้เด็กคุ้นเคยและกล้าที่จะใช้ภาษา


