Aberdeen ผู้เชี่ยวชาญการบริหารกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF)
.....สมาคมบริษัทจัดการลงทุน
สัปดาห์ก่อนเราก็แนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกันมากขึ้นว่า สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคม) จัดตั้งมาอย่างไร ทำหน้าที่อะไร และมีใครเป็นสมาชิกบ้าง ซึ่งปัจจุบันสมาคมประกอบด้วยบริษัทสมาชิก 25 บริษัท มีธุรกิจภายใต้การดูแล 3 กลุ่มธุรกิจ คือ กลุ่มธุรกิจกองทุนรวม มีบริษัทสมาชิก 20 บริษัท กลุ่มธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล มีบริษัทสมาชิก 21 บริษัท และกลุ่มธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ มีบริษัทสมาชิก 18 บริษัท ดังนั้นก็ขอแนะนำบริษัทสมาชิก (เรียงตามตัวอักษรภาษาอังกฤษ) แบบเล่าสู่กันฟังครับ
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน เป็นหนึ่งใน
“กลุ่มอเบอร์ดีน” ซึ่งมีบริษัทแม่คือ บลจ.อเบอร์ดีน แห่งประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน บลจ.อเบอร์ดีน มีบริษัท อเบอร์ดีน แอสเส็ท แมเนจเม้นท์ เอเชีย ลิมิเต็ด เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และมีสำนักงานอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์“
กลุ่มอเบอร์ดีน” เป็นผู้บริหารสินทรัพย์ระดับสากล โดยมีทรัพย์สินรวมภายใต้การบริหาร 237,590 ล้านเหรียญสหรัฐ มี 26 สำนักงานทั่วโลก ให้บริการทั้งลูกค้ารายย่อยและลูกค้าสถาบัน กลุ่มอเบอร์ดีนเป็นบริษัทที่เก่าแก่แห่งหนึ่ง โดยก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2419 นอกจากนี้ยังมีประสบการณ์การลงทุนในเอเชีย รวมทั้งประเทศไทยมากกว่า 15 ปี ซึ่งปัจจุบันกลุ่มอเบอร์ดีนมีมูลค่าทรัพย์สินที่ลงทุนในประเทศไทยกว่า 3,2000 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้การบริหารกองทุนของอเบอร์ดีนประเทศไทย ได้นำมาตรฐานและขั้นตอนของกลุ่มมาเป็นแนวปฏิบัติร่วมกับการพิจารณาปัจจัยภายในประเทศบลจ.อเบอร์ดีน มีชื่อเดิมคือ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม นครธน ชโรเดอร์ ซึ่งจัดตั้งเมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2539 ได้รับใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนรวม เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2539 และได้รับใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคล เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2540 หลังจากนั้นในปี 2545 ได้ทำการเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน โดยต่อมาในปี 2548 บริษัท อเบอร์ดีน แอสเส็ท แมเนจเม้นท์ เอเชีย ลิมิเต็ด ได้เข้ามาถือหุ้น 99.99% โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร ณ สิ้นปี 2552 รวมทั้งสิ้นเป็นจำนวน 24,605 ล้านบาท
ความเชี่ยวชาญของอเบอร์ดีน คือ การบริหารกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) เนื่องจากอเบอร์ดีนมีการบริหารจัดการโดยกลุ่มอเบอร์ดีน ที่มีทีมผู้จัดการกองทุนเป็นผู้เชี่ยวชาญ บริหารกองทุนเป็นทีมและมีเครือข่ายทั่วโลก อเบอร์ดีนมีปรัชญาการลงทุนและกระบวนการตัดสินลงทุนที่เป็นระบบ และมีประสิทธิภาพ เน้นการลงทุนในลักษณะ
“Bottom Up” กล่าวคือ มุ่งเน้นการใช้การเยี่ยมชมบริษัทเพื่อนำมาซึ่งข้อมูลตรงจากผู้ประกอบการ เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจการลงทุน พร้อมทั้งการวิเคราะห์โอกาสในการลงทุนโดยคำนึงถึงปัจจัยพื้นฐานเป็นหลักในปี 2552 ที่ผ่านมานั้น บลจ.อเบอร์ดีน ประสบความสำเร็จในการจัดจำหน่ายกองทุนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) เช่น กองทุนเปิด อเบอร์ดีน ไชน่า เกทเวย์ ฟันด์ (ABCG) กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล อีเมอร์จิ้ง โกรท ฟันด์ (ABGEM) เป็นต้น ซึ่งนักลงทุนให้การตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากเชื่อมั่นในการบริหารกองทุนของ บลจ.อเบอร์ดีน มาก โดยส่งผลให้มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) โดยเฉพาะกองทุน FIF ของอเบอร์ดีนนั้นมีมูลค่า ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 2552 อยู่ที่ 4,680 ล้านบาท
มุมมองที่มีต่อการลงทุนในปี 2553
อเบอร์ดีนยังมีความเชื่อมั่นหลังพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยกำลังปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปและต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 2553 แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนในสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและการเมืองภายในประเทศอยู่ก็ตาม บริษัทต่างๆ ที่เราลงทุนยังมีปัจจัยพื้นฐานที่มั่นคง ท่ามกลางอุปสรรคต่างๆ อีกทั้งยังสามารถเดินหน้าปรับปรุงประสิทธิภาพของการดำเนินงาน และการลดต้นทุนของบริษัทลง เพื่อคงไว้ซึ่งส่วนต่างกำไร ด้านงบดุลมีความแข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับต่ำ งบกระแสเงินสดยังคงแข็งแกร่ง โดยการลดรายจ่ายด้านทุนและการจัดการทุนหมุนเวียนที่ดีขึ้น ก็มีส่วนช่วยสนับสนุนด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงเป็นที่คาดการณ์ว่าอัตราการจ่ายเงินปันผลจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป
อัตราส่วนราคาต่อกำไรที่คำนวณโดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันอยู่ที่ 11 เท่า ในปี 2553 แม้จะมีปัจจัยหนุนจากอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยในรูปเงินปันผลอยู่ที่ 4% นอกจากนี้จากการเข้าพบผู้บริหารและการคาดการณ์แนวโน้มรายได้ของบริษัทต่างๆ ในปี 2553 ยังไม่ค่อยมีความชัดเจนจากปัจจัยความไม่แน่นอนที่ยังคงมีอยู่สูง ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ตลาดหุ้นจะยังคงมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งการปรับฐานในตลาดหุ้นเป็นระยะๆ เนื่องจากผลกำไรต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้ทันกับราคาหุ้น อย่างไรก็ตามกลยุทธ์การลงทุนของอเบอร์ดีนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง คือ การขายหุ้นเพื่อทำกำไรในช่วงเวลาที่เหมาะสม หรือการถือโอกาสในช่วงตลาดปรับฐานในระยะสั้นสะสมหุ้นที่มีคุณภาพดีในราคาต่ำ เพื่อรอโอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับตัวให้สอดคล้องกับพื้นฐานของหุ้นในระยะกลางถึงระยะยาวต่อไป
ด้านตราสารหนี้ ในช่วงก้าวเข้าสู่ปี 2553 อเบอร์ดีนคาดการณ์ถึงภาวะที่น่าจะเป็น ที่จะเป็นแรงผลักให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้น ว่ามาจากนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายจะยุติลง เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจจะเติบโตดีขึ้นในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน รวมถึงการออกพันธบัตรในปริมาณมากอย่างต่อเนื่องของรัฐบาล เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ดังนั้นมูลค่าพันธบัตรอาจจะต้องประสบกับแรงกดดันจากปัจจัยพื้นฐานในปี 2553 แต่อเบอร์ดีนเชื่อว่าอัตราความเร็วในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกอย่างดีที่สุดน่าจะเป็นเพียงระดับปานกลางเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นข้อจำกัดในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย เพราะเศรษฐกิจไทยยังต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจ และตราบใดที่ข้อมูลเศรษฐกิจยังไม่สามารถชี้ชัดว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยมีเสถียรภาพดีแล้ว ความต้องการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นถึงระยะปานกลางก็จะยังเป็นกระแสหลักในตลาดตราสารหนี้ไทยต่อไป
วิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมาเป็นประสบการณ์ที่ดีที่นักลงทุนจะต้องพิจารณาและเพิ่มความระมัดระวัง และติดตามการลงทุนของท่าน เลือกวิธีการลงทุนที่เหมาะสมกับสภาพการเงินของตนเอง ศึกษาสไตล์การลงทุนของ บลจ. ที่เราลงทุนอยู่ รวมทั้งนักลงทุนควรเข้าใจว่าผลตอบแทนที่สูงมักจะมาพร้อมกับความเสี่ยงสูงด้วยเช่นกัน ผู้ลงทุนสามารถติดต่อ บลจ.อเบอร์ดีน ได้ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน อาคารบางกอกซิตี้ ทาวเวอร์ ชั้น 28 เลขที่ 179 ถนนสาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 โทรศัพท์ +6623523333 โทรสาร +6623523389 อีเมล : [email protected]


