ต่างชาติสนใจเปิดแบงก์
หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศเปิดไลเซนส์ ให้ธนาคารต่างประเทศสามารถเข้ามาตั้งสถาบันการเงินในประเทศไทยในลักษณะธนาคารลูกของธนาคารพาณิชย์ในต่างประเทศ (Subsidiary) แห่งใหม่ได้ 5 แห่ง โดยมีเงื่อนไขว่าสามารถเปิดสาขาได้ 20 แห่ง และจุดให้บริการเบิกถอนเงินได้ 20 จุด แต่ต้องมีทุนจดทะเบียน 2 หมื่นล้านบาท ในปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีสถาบันการเงินสนใจมาก
หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศเปิดไลเซนส์ ให้ธนาคารต่างประเทศสามารถเข้ามาตั้งสถาบันการเงินในประเทศไทยในลักษณะธนาคารลูกของธนาคารพาณิชย์ในต่างประเทศ (Subsidiary) แห่งใหม่ได้ 5 แห่ง โดยมีเงื่อนไขว่าสามารถเปิดสาขาได้ 20 แห่ง และจุดให้บริการเบิกถอนเงินได้ 20 จุด แต่ต้องมีทุนจดทะเบียน 2 หมื่นล้านบาท ในปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีสถาบันการเงินสนใจมาก
อานุภาพ คูวินิชกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า มีสถาบันการเงินระหว่างประเทศหลายแห่งสอบถามรายละเอียดเงื่อนไขของการขออนุญาต แต่คงจะใช้เวลาตัดสินใจอีกระยะหนึ่ง
กลุ่มที่สนใจและเข้ามาสอบถามขอจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ลูกในประเทศไทยแน่นอน เช่น ธนาคารพาณิชย์จากเกาหลีใต้และธนาคารพาณิชย์จากออสเตรเลีย ซึ่งทั้งสองประเทศนี้ยังไม่มีธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยแม้แห่งเดียว แต่มีการค้าการลงทุนและมีผู้ประกอบการที่เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้นเรื่อยๆ และสนใจที่จะเข้ามาตั้งสถาบันการเงินในไทย
ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ของมาเลเซียและจีน รวมทั้งสถาบันการเงินจากญี่ปุ่นก็สนใจที่จะสอบถามเข้ามาเช่นกัน โดยในส่วนของธนาคารพาณิชย์ มาเลเซีย และญี่ปุ่นนั้น มีทั้งความสนใจในการตั้งธนาคารใหม่ และเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรกับธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในไทยอยู่แล้ว
อานุภาพ กล่าวว่า ส่วนหนึ่งของความสนใจที่จะเข้ามาตั้งธนาคารลูกในไทย เพื่อรองรับการค้าการลงทุนระหว่างประเทศที่สูงขึ้นและจะค้าขายกันมากขึ้นในระยะต่อไป อีกประเด็นคือเพื่อการรองรับฐานของประชากรที่จะขยายขึ้นจากการรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 และมองว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่จะเชื่อมระบบการเงิน และสถาบันการเงินไปยังประเทศซีแอลเอ็มวี กัมพูชา ลาว เวียดนาม และพม่าได้ค่อนข้างดี
ขณะที่ประโยชน์ของไทยคือ การเข้าไปขยายธุรกิจการค้า การลงทุนในประเทศเหล่านั้นทดแทนจะง่ายและสะดวกมากขึ้น
ในปีที่ผ่านมา มีสาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศได้ยกระดับเป็นธนาคารลูกแล้ว 1 ราย คือ แบงก์ ออฟ ไชน่า ของประเทศจีน ถือเป็นธนาคารลูกแห่งที่ 2 ต่อจากธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์
จึงเชื่อว่าอย่างช้าสุด สิ้นเดือน มิ.ย. 2557 จะทราบผลว่ามีธนาคารต่างประเทศรายใหม่ที่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งในไทยได้ทั้งหมดกี่ราย


