posttoday

"เอซิส-โอนิซึกะ"รองเท้าญี่ปุ่นครองใจคนทั่วโลก

24 มิถุนายน 2556

โดย...ณัฏฐญา เมฆสมณะศักดิ์

โดย...ณัฏฐญา เมฆสมณะศักดิ์

หากจะพูดถึงยี่ห้อรองเท้ากีฬาชื่อดังก้องโลก เชื่อว่ามีหลายแบรนด์ที่ผุดขั้นมาในความคิด ทว่า เมื่อพูดถึงรองเท้ากีฬาสัญชาติญี่ปุ่นแท้ๆ หลายคนต้องนึกถึงยี่ห้อรองเท้าที่มีชื่อว่า “เอซิส” อย่างแน่นอน

ทว่า กว่าจะมาเป็นแบรนด์ชื่อดังนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว เพราะชายที่ชื่อว่า “คิฮาชิโระ โอนิซึกะ” ต้องล้มลุกคลุกคลานนับไม่ถ้วนกว่าที่จะทำให้รองเท้าจากญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

ย้อนไปเมื่อปี 2492 คิฮาชิโระโอนิซึกะ ในวัย 32 ปี ซึ่งเป็นอดีตทหารผ่านศึก ต้องการจะเยียวยาหัวใจชาวญี่ปุ่นที่ต้องประสบกับความโหดร้ายจากสงคราม โดยให้ชาวญี่ปุ่นหันมาเล่นกีฬาเพื่อลืมความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น

โอนิซึกะจึงได้จัดตั้งบริษัทโอนิซึกะ และผลิตรองเท้าบาสเกตบอล เพราะขณะนั้นบาสเกตบอลเป็นที่นิยมในแดนอาทิตย์อุทัย หลังจากที่ได้ผลิตรองเท้าคู่แรกแล้ว จึงได้นำไปให้ผู้ฝึกสอนบาสเกตบอลในโรงเรียนมัธยมปลาย ทว่า ผู้ฝึกสอนคนนั้นกลับบอกว่า รองเท้าที่ทำไม่ควรเรียกว่ารองเท้าบาสด้วยซ้ำไป แต่ก็ได้ข้อแนะนำมากมายจากโค้ชคนนั้นมาปรับปรุง

หลังจากนั้น โอนิซึกะได้เห็นแม่ของตัวเองกำลังทำอาหารเมนูปลาหมึกและเกิดไอเดียว่ารองเท้าควรที่จะมีความสามารถในการยึดเกาะแบบหนวดปลาหมึก จึงได้ผลิตรองเท้าออกมาอีกระลอก จนกระทั่งทีมบาสเกตบอลโรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่งนำไปใส่เล่นบาสเกตบอลจนชนะ

เหตุการณ์นั้นทำให้ความมั่นใจในการผลิตรองเท้าของชายคนนี้เพิ่มมากขึ้น และในปี 2495 รองเท้าของโอนิซึกะหรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า “โอนิซึกะ ไทเกอร์” ก็ได้รับความนิยมไปทั่วประเทศญี่ปุ่น

ทว่า ความพยายามของโอนิซึกะยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ เพราะในปี 2496 โอนิซึกะ ไทเกอร์ ได้ทำงานร่วมกับนักวิ่งมาราธอน โทรุ เทราซาวา เพื่อผลิตรองเท้าวิ่งที่มีคุณสมบัติพิเศษ คือไม่ทำให้เกิดแผลพุพองในการวิ่งระยะไกล

การแจ้งเกิดของโอนิซึกะเกิดขึ้นในปี 2507 เมื่อนักวิ่งในตำนานชาวเอธิโอเปีย อาเบเบ บิกิลา สวมใส่โอนิซึกะ ไทเกอร์ ในการแข่งขันโอลิมปิกและคว้าเหรียญทอง ทั้งนี้ ชายคนนี้ไม่เคยใส่รองเท้าวิ่งในการแข่งแม้แต่ครั้งเดียว จึงเป็นเครื่องการันตีได้ว่าคุณภาพของรองเท้านั้นไม่ธรรมดา นอกจากนี้ในปีเดียวกันทีมวอลเลย์บอลหญิงของญี่ปุ่นก็ได้ใส่รองเท้าวอลเลย์บอลในการแข่งขันโอลิมปิกและได้เหรียญทองเช่นเดียวกัน

ต่อมาในปี 2509 โอนิซึกะได้หันมาผลิตรองเท้าสำหรับการแข่งขันพรีโอลิมปิก โดยเปิดตัวรองเท้ารุ่นใหม่ที่มีลายริ้วด้านข้างรองเท้าเป็นแนวนอน 2 เส้น และมีริ้วแนวตั้ง 2 เส้นคาดอยู่ ซึ่งรองเท้ารุ่นนี้ได้รับความนิยมอย่างมากจนถึงปัจจุบันนี้ โดยมีชื่อรุ่นว่าเม็กซิโก 66 นอกจากนี้ ริ้วของรองเท้ายังเปรียบเสมือนเครื่องหมายการค้าของรองเท้าแบรนด์นี้อีกด้วย และถัดมาจากนั้นอีกไม่กี่ปี โอนิซึกะก็บุกตลาดสหรัฐเป็นครั้งแรก

จนกระทั่งในปี 2520 โอนิซึกะ ไทเกอร์ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “เอซิส”ซึ่งเกิดจากการควบรวมบริษัท จีทีโอเจเลงค์ และโอนิซึกะเข้าด้วยกัน โดยเอซิสเป็นคำย่อมาจากภาษาละติน ซึ่งมีความหมายว่า “สุขภาพใจที่ดีอยู่ในร่างกายที่ดี”

ปัจจุบัน เอซิสได้เป็นผู้สนับสนุนอุปกรณ์กีฬาให้กับนักกีฬาระดับชาติหลายชาติ และได้ส่งสินค้าขายไปทั่วโลก โดยไม่ได้มีแต่เพียงรองเท้ากีฬาหลากหลายประเภทเท่านั้น เอซิสยังมีสินค้ากีฬาประเภทอื่นๆ ด้วย อย่างเช่น กระเป๋า เสื้อ หมวก และอุปกรณ์กีฬาต่างๆ เป็นต้น

หากจะพูดถึงความสำเร็จ นอกจากชื่อเสียงที่ดังไปทั่วโลกแล้ว รายได้ที่สูงลิ่วยังเป็นตัวการันตีได้ดีอีกด้วย โดยรายได้ในปี 2555 ของบริษัทสูงถึง 247,793 ล้านเยน (ราว 77,344 ล้านบาท)

แม้ว่าบริษัทจะใช้เอซิสเป็นชื่อหลักของแบรนด์ ทว่า เอซิสก็ยังคงขายรองเท้าแบบคลาสสิกภายใต้แบรนด์ โอนิซึกะ ไทเกอร์ ที่มีรุ่นยอดนิยม คือ เม็กซิโก 66 เหมือนเดิม

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเอซิส หรือโอนิซึกะ ไทเกอร์ สิ่งที่ยืนยันได้ถึงความสำเร็จที่ไม่ใช่แค่ยอดขาย คือ การที่แบรนด์มี “แฟนพันธุ์แท้” มากมาย โดยบางคนถึงขั้นสะสมรองเท้ายี่ห้อนี้ไว้หลายสิบคู่เลยทีเดียว

ข่าวล่าสุด

เปิด Top 3 ดวงขึ้นแรงสุด 12 นักษัตร นักธุรกิจ ใครปัง รับปีม้าไฟ