จับทิศธุรกิจอสังหาฯ
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในบ้านเรายังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง สอดคล้องกับที่บริษัท เบเคอร์ ทิลลี่ คอร์ปอเรท แอ็ดไวเซอรี่ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) ในฐานะบริษัทผู้ตรวจสอบบัญชีและที่ปรึกษาทางการเงินรายใหญ่ของประเทศไทย ระบุถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทย ซึ่งกำลังเป็นที่น่าจับตาของนักลงทุนจากต่างประเทศ
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในบ้านเรายังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง สอดคล้องกับที่บริษัท เบเคอร์ ทิลลี่ คอร์ปอเรท แอ็ดไวเซอรี่ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) ในฐานะบริษัทผู้ตรวจสอบบัญชีและที่ปรึกษาทางการเงินรายใหญ่ของประเทศไทย ระบุถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทย ซึ่งกำลังเป็นที่น่าจับตาของนักลงทุนจากต่างประเทศ
จากปัจจัยบวกทางกายภาพที่ประเทศไทยสามารถเป็นประตูเศรษฐกิจ เพื่อเปิดไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างดี ทั้งลาว เขมร และพม่า เพราะพบว่ามูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง สอดคล้องกับผลผลิตมวลรวมในประเทศ หรือ GDP ที่มีมูลค่าการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI (Foreign Direct Investment)ในปี 2555 เพิ่มเป็น 2 เท่าจากปี 2554
แนวโน้มดังกล่าวนี้ ได้รับการยืนยันจาก วอริค นีล หุ้นส่วนบริหาร บริษัท เบเคอร์ ทิลลี่ คอร์ปอเรท แอ็ดไวเซอรี่ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) มองในภาพรวมว่า แม้ตัวเลขเศรษฐกิจจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่จากประสบการณ์ที่มีต่อวิกฤตเศรษฐกิจในอดีต โดย “เบเคอร์ ทิลลี่” มีแนวโน้มจะให้ความสำคัญต่อภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นพิเศษ เห็นได้จากปัจจุบันมีคอนโดมิเนียมสร้างใหม่เกิดขึ้นจำนวนมากและปรับราคาขายเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ย 14% ต่อปี ในช่วงระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา
“สภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ขาขึ้น ที่ต่อเนื่องมาประมาณ 13 ปี โดยมีสะดุดเพียงเล็กน้อย ซึ่งดูประทับใจแต่น่ากังวล จากวงจรการขึ้นลงของเศรษฐกิจในช่วง 45 ทศวรรษที่ผ่านมาโดยเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 14 และ 18 ปี ซึ่งหมายความว่าประเทศไทยอาจจะมีการปรับตัวในช่วงปี 2554 และ 2558 โดยเปรียบเทียบจากวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งปี 2540 ซึ่งขณะนี้เราอาจยังไม่ต้องห่วงภาคอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง” นีล ย้ำ
อย่างไรก็ตาม ควรจับตามองสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของภาคอุตสาหกรรม อุปโภคบริโภคส่วนบุคคล และพาณิชย์ หากไม่เกิดเหตุการณ์ภายนอกที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจประเทศไทยอาจสามารถต้านทานต่อภาวะผิดปกติชั่วครั้งชั่วคราวได้และจะสามารถเติบโตต่อเนื่องได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า ถัดจากนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถคาดเดาได้ และความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดของประเทศไทยในขณะนี้ คือความเชื่อว่าช่วงเวลาของการเติบโตทางเศรษฐกิจจะดำเนินไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด


