คลังสอบขรก.ยกเข่งเอี่ยวรถหรูเลี่ยงภาษีโดน
ปัญหาการนำเข้ารถหรูที่เลี่ยงภาษีกำลังเข้าสู่โหมดของการตรวจสอบอย่างหนัก
ปัญหาการนำเข้ารถหรูที่เลี่ยงภาษีกำลังเข้าสู่โหมดของการตรวจสอบอย่างหนัก
ล่าสุด ทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง กล่าวว่า ได้สั่งการให้ผู้บริหาร กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร เร่งแก้ปัญหาการนำเข้ารถหรู และลักลอบรถยนต์จดประกอบหลีกเลี่ยงภาษีที่พบว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง โดยในส่วนของกรมศุลกากรได้รับรายงานว่า มีการตั้งกรรมการสอบเอาผิดกับเจ้าหน้าที่แล้ว
ว่ากันว่าเฉพาะของกรมศุลกากรมีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเป็น 100 คน ที่โดนตั้งกรรมการสอบ
เบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้ย้ายเจ้าหน้าที่ระดับนายตรวจ 3 นาย เพื่อให้กรมสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากพบว่ามีการปล่อยรถหรูให้เสียภาษีต่ำกว่าที่ควรเสียถึงคันละ 10 ล้านบาทจำนวนหลายคัน ซึ่งการย้ายดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนรถหรูไฟไหม้ ที่ตอนนี้อยู่ระหว่างหาข้อเท็จจริงและประสานงานอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เบญจา กล่าวว่า การดำเนินการตรวจสอบรถจดประกอบดำเนินการได้ลำบาก เพราะผู้ที่นำเข้าแยกชิ้นส่วน และใช้บริษัทหลายแห่งนำเข้ามาในช่วงเวลาที่ต่างกัน ทำให้กรมศุลกากรตรวจไม่ได้ว่าจะนำเข้ามาจดประกอบ เพราะตอนสำแดงนำเข้ามาเป็นอะไหล่ ที่ทางการยังอนุญาตให้นำเข้า
นอกจากนี้ ยังพบว่า มีการนำเข้ารถหรูโดยการขนผ่านข้ามแดน โดยอ้างว่าเป็นนักท่องเที่ยวที่สามารถขอนำรถเข้ามาได้ 30 วัน และต่ออายุได้อีก 6 เดือน
ขณะนี้ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบว่าที่ผ่านมีรถหรูแจ้งเข้าและออกกี่คัน และมีค้างอยู่จำนวนเท่าไร และที่ค้างอยู่เกินที่กำหนดหรือไม่ เพื่อดำเนินการเรียกมาตรวจสอบเสียค่าปรับ ที่ตอนนี้อยู่ระดับต่ำมากจะมีการปรับแก้ให้สูงขึ้น
ด้าน สาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรได้ตั้งคณะกรรมการสอบเจ้าหน้าที่ที่ถูกกล่าวหาว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการรถหรูที่นำเข้าเสียภาษีไม่ถูกต้อง เพื่อให้มีความชัดเจนมากที่สุด
ขณะที่ สมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ได้สั่งการไปยังสรรพสามิตพื้นที่ให้เก็บภาษีรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ประกอบจากชิ้นส่วนเก่าที่มีการนำเข้าจากต่างประเทศ จะต้องเสียภาษีในอัตรา 3040% ซึ่งเป็นรถที่ตกค้างก่อนที่จะมีประกาศห้ามนำเข้าของกระทรวงพาณิชย์
ทั้งนี้ จากข้อมูลที่ผ่านมาจะพบว่าภายหลังการปรับเกณฑ์อัตราการชำระภาษีดังกล่าวแล้ว ในปี 2556 ยังมีผู้ประกอบการที่ยื่นเรื่องชำระภาษีอย่างถูกต้องอยู่ที่ 544 ราย ลดลงจากปี 2555 ที่มีผู้ประกอบการยื่นชำระภาษีอยู่ราว 2,000 ราย
ขณะที่ปี 25532554 มีผู้ประกอบการยื่นชำระภาษีรถยนต์จดประกอบอยู่ที่ 1.1 หมื่นราย โดยจำนวนผู้ประกอบการที่ลดลงนี้ คงเป็นไปตามความเข้มข้นและความเข้มงวดของกรมสรรพสามิต
ข้อมูลที่กรมสรรพสามิต ติดตามภาษีรถจดประกอบจากชิ้นส่วนเก่าใช้แล้วระหว่างปีงบประมาณ 25522556 พบว่ามีทั้งสิ้น 15,612 คัน เสียภาษี 2,322 ล้านบาท
สำหรับกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เตรียมเรียกตรวจสอบรถจดประกอบสำหรับรถยนต์ที่มีราคา 4 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 488 คันนั้น กรมสรรพสามิตยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้ เพราะยังต้องรอข้อมูลที่มีความชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง แต่เบื้องต้นดีเอสไอแจ้งให้ทราบว่า จะดำเนินการตรวจสอบในส่วนของเอกสารก่อน หากพบว่าเอกสารไม่ถูกต้อง ก็ต้องดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป
“ผมรับประกันว่า ทุกอย่างต้องดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายอย่างถึงที่สุด” อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการนำเข้ารถหรูมี 2 ช่องทาง คือ ผู้นำเข้ารถหรูเก่าสภาพดี อาศัยช่องว่างกฎหมายซิกแซกแยกชิ้นส่วนแจ้งเสียภาษีเป็นการนำเข้าอะไหล่รถยนต์
อีกทางหนึ่ง ผู้ประกอบการนำเข้ารถอิสระสำแดงราคาต่ำกว่าเป็นจริง เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียภาษีแพง
เป็นที่น่าสังเกตว่า ผู้นำเข้ารถหรูไม่ว่าเก่าหรือไม่ ต่างมีเส้นสายนักการเมือง เจ้าหน้าที่ทางการ เป็นผู้สนับสนุนดูแลการนำเข้ารถคันหรูดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมารัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ห้ามนำเข้าโครงรถยนต์ และโครงมอเตอร์ไซค์เก่า ซึ่งมีผลบังคับกว่า 1 ปี แล้ว จะเหลือก็เหลือแต่โครงรถยนต์ที่นำเข้ามาก่อนประกาศ ก็ให้นำมาจดประกอบให้เรียบร้อย โดยไปเสียภาษีกับกรมสรรพสามิตให้ครบถ้วน
ประกาศดังกล่าว ถือเป็นการปิดฉากธุรกิจจดประกอบรถยนต์ ส่วนรถที่มีปัญหาอยู่ขณะนี้คาดว่าเป็นรถค้างเก่า
ล่าสุดพบว่า มีรถนำเข้าจอดค้างที่ท่าเรือแหลมฉบังกว่า 290 คัน ที่รอเจ้าของนำใบอนุญาตรับรถเพื่อเสียภาษี
แต่ปรากฏว่า ผู้ประกอบการหลีกเลี่ยงนำรถเก่าแยกชิ้นส่วน และนำเข้ามาสำแดงราคาเสียภาษีเป็นอะไหล่รถยนต์ และยังใช้ชื่อหลายบริษัทนำเข้ามา แม้ขนใส่มาตู้เดียวกัน กรมศุลกากรก็ไปเอาผิดไม่ได้ จึงต้องใช้มาตรการไม้แข็งปิดประตูไม่ให้มีการนำเข้าโครงรถยนต์อีกต่อไป ขณะเดียวกันกรมสรรพสามิตก็จะไม่รับเสียภาษีรถจดประกอบอีกต่อไปเช่นกัน
ทั้งนี้ ในช่วง 45 ปีที่ผ่านมา ตลาดของ เกรย์มาร์เก็ต ถือว่าอยู่ในช่วงบูมสุดขีด มีการนำเข้ารถหลายพันคันต่อปี ทำให้รัฐบาลสูญเสียเงินภาษีนับหมื่นล้านบาท
รถหรูที่เป็นที่นิยมของคนไทยคือ รถเบนซ์ ที่ราคาถูกกว่าดีลเลอร์ขายถึงคันละ 12 ล้านบาท
ขณะที่รถซูเปอร์คาร์ ไม่ว่าจะเป็นรถสปอร์ตเฟอร์รารี รถปอร์เช่ รถแลมโบร์กินี รถออดี้ รถเบนท์ลีย์ สามารถขายรถในราคาต่ำกว่าตัวแทนจำหน่าย 35 ล้านบาท


