posttoday

วิถีสงกรานต์ลาวยึดมั่นวัฒนธรรมประเภณี

11 เมษายน 2556

โดย...ตะวัน หวังเจริญวงศ์

โดย...ตะวัน หวังเจริญวงศ์

ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่เพียงแต่ไทยเท่านั้นที่กำหนดให้มีประเพณี “วันสงกรานต์” และกำหนดวันหยุดให้ประชาชนได้ร่วมกิจกรรมทางวัฒนธรรม มีการละเล่นอันแสดงออกถึงเอกลักษณ์ความเป็นชาติ ในช่วงกลางเดือน เม.ย.ของทุกปี กัมพูชา เมียนมาร์ รวมถึงลาวเอง ต่างก็มีกำหนดวันดังกล่าว โดยมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป

ลาว เพื่อนบ้านชาติสำคัญของไทย ถือเป็นแบบอย่างของชาติที่อนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีวันสงกรานต์ไว้ได้อย่างดีเยี่ยมตั้งแต่อดีตมาจนปัจจุบันภัยดาวัน สมพงศ์พันธุ์ มัคคุเทศก์ชาวลาว เล่าว่า ในลาวเรียกวันสงกรานต์ว่า “งานบุญฮดน้ำ” หรือวันขึ้นปีใหม่ลาว ปกติจะตรงกับวันที่ 14-16 เม.ย.ของทุกปี จะมีเพียง 4 ปีครั้งเท่านั้นที่ตรงกับวันที่ 13-15 เม.ย.เช่นเดียวกับไทย เนื่องจากลาวไม่ได้กำหนดวันสงกรานต์ตามปฏิทินสากล จึงทำให้ตรงกับวันที่ 13-15 เม.ย.เฉพาะปีที่มีเดือน 8 จำนวน 2 ครั้ง เช่น ปี 2555

ประเพณีในวันสงกรานต์ของลาว มีบางเรื่องที่คล้ายคลึงกับไทย เช่น ตำนาน “นางสังขาร” หรือ “นางสงกรานต์” ของไทย ตำนานดั้งเดิมของเรื่องดังกล่าว มีที่มาจากเรื่องท้าวกบิลพรหมและธรรมบาลกุมาร “ท้าวกบิลพรหม” กษัตริย์ยักษ์ของเมืองแห่งหนึ่ง เป็นผู้ชอบประลองปัญญา ทายปัญหากับนักปราชญ์ไปทั่ว ครั้งหนึ่งได้ทายปัญหากับ “ธรรมบาลกุมาร” ปราชญ์จบใหม่ซึ่งรู้ภาษานก ต่างฝ่ายต่างมั่นใจในความสามารถ จึงเอาศีรษะตัวเองเป็นเดิมพันหากแพ้การประลอง

แต่เมื่อธรรมบาลกุมารได้ฟังคำถามของท้าวกบิลพรหม ก็ไม่สามารถตอบได้ทันที จึงขอเวลาคิด7 วัน ขณะที่หาคำตอบไม่ได้ เมื่อถึงวันสุดท้ายก่อนการตัดสินผล ธรรมบาลกุมารบังเอิญได้ยินนก 2 ตัวคุยกันในป่า ว่าพรุ่งนี้จะไปไหน ตัวหนึ่งตอบว่าจะไปกินซากศพของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งระหว่างท้าวกบิลพรหมและธรรมบาลกุมาร ที่แพ้การประลองปัญญา นกอีกตัวหนึ่งจึงถามว่าคำถามคืออะไร และคำตอบคืออะไร เมื่อธรรมบาลกุมารได้ยินเฉลยจากนก จึงรีบกลับไปตอบคำถามท้าวกบิลพรหมทันที

เมื่อท้าวกบิลพรหมแพ้การประลอง จึงได้เรียกธิดาทั้ง 7 ของตัวเองมาประชุมพร้อมกัน พร้อมทั้งบอกว่า ศีรษะของตัวเองหากตั้งไว้บนพื้น ไฟก็จะไหม้โลกโยนขึ้นฟ้า ฝนก็จะไม่ตก หรือหากโยนลงน้ำ น้ำก็จะแห้ง จึงให้ธิดานำพานมารับเศียรไว้ แล้วค่อยนำไปประดิษฐานที่เขาไกรลาศ ตั้งแต่นั้นมาธิดาทั้ง 7 องค์ก็จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนทำหน้าที่อัญเชิญพระเศียรของท้าวกบิลพรหมมาแห่ทุกปี และทั้ง 7 องค์ก็เป็นที่มาของนางสังขารในปัจจุบัน

ประเพณีแห่และประกวดนางสังขาร จะนิยมทำมากที่สุดในเมืองหลวงพระบาง และล่าสุดเพิ่งกลับมามีในเวียงจันทน์อีกครั้ง โดยการประกวดจะกำหนดให้สาวโสดหรือสาวบริสุทธิ์ อายุ 1520 ปี หรืออนุโลมให้ถึง 25 ปี เข้าร่วมประกวด เพื่อคัดเลือกเข้าสู่รอบสุดท้าย 7 คนตามจำนวนธิดาทั้ง 7 องค์ ทั้งนี้ทุกคนจะต้องแต่งกายตามแบบธิดาประจำปีนั้นๆ โดยปีนี้คือธิดาองค์ที่ 7

ภายในขบวนแห่นางสังขาร จะประกอบด้วยศีรษะเทียมของท้าวกบิลพรหม ทำจากปูน โฟม หรือวัสดุอื่นๆ ตามความสะดวกของแต่ละพื้นที่ รวมถึงมีสัตว์ยานพาหนะประจำธิดาแต่ละองค์ด้วย เช่น ช้าง นกยูง และที่แตกต่างจากไทย คือ จะมีหมอดูมาทำนายว่าปีนี้จะมีสภาพอากาศเป็นอย่างไร พืชผลจะเป็นอย่างไร ชนิดใดจะเติบโตดี คล้ายคลึงกับวันพืชมงคลของไทย นอกจากนี้ยังมีการทำนายเรื่องสีเสื้อที่เหมาะจะใส่ รวมถึงทำนายวันดี วันอัปมงคล วันที่ควรไปสะเดาะเคราะห์ประจำปี โดยชาวลาวยังให้ความสำคัญและเชื่อคำทำนายเหล่านี้อยู่ และยังมีการแห่ “ปู่เยอย่าเยอ” ด้วย เนื่องจากมีตำนานว่า มีต้นเครือเขากาดขนาดยักษ์ เติบโตขึ้นจนบดบังแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ทำให้ประชาชนเดือดร้อน แต่หากไปตัดต้นเครือเขากาดลงมาก็จะต้องโดนส่วนที่โค่นลงมาล้มทับตาย ปู่เยอและย่าเยออาสาไปตัดต้นดังกล่าวให้แต่ขอให้ทุกคนไม่ลืมชื่อของพวกเขา จึงมีคนใส่ชุดปู่เยอย่าเยอ ในวันสงกรานต์ทุกปี

ในวันที่ 2 ของงานสงกรานต์ลาว หรือวันเนายังมีความเชื่อว่า ห้ามอยู่บ้าน ให้ออกไปเที่ยว บายศรี ผูกข้อมือ และในช่วงสงกรานต์ 3 วันจะต้องมีการรวมญาติกันหนึ่งวัน ตลอดจนมีการทำน้ำอบน้ำหอมไปสรงพระพุทธรูปด้วย

การเล่นน้ำของลาว เดิมใช้น้ำอบน้ำหอมมารดกัน แต่ปัจจุบันที่เวียงจันทน์เรียกว่า “เล่นเปื้อน” มีการนำขี้เถ้าหรือเขม่าดำที่เปื้อนตามก้นหม้อมาป้ายกันด้วย โดยลาวยังมีความเข้มงวดในการเล่นน้ำมากกว่าไทยมากนัก จึงอนุญาตให้เล่นน้ำกันเองภายในบ้านหรือซอยที่ระบุให้เล่นโดยเฉพาะ

ภัยดาวัน ย้ำว่า วันสงกรานต์ของลาว ถือเป็นวันสำคัญที่ชาวลาวภูมิใจ และเชื่อว่าจะยังสามารถอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีส่วนที่ดีได้สืบไป

ข่าวล่าสุด

งานเข้า! EU สอบสวน Google ข้อหาผูกขาดเนื้อหาให้กับ AI ของบริษัท