ซีพีเอ็นยันไม่ทิ้งที่ดินเตรียมทหาร
รอสนง.ทรัพย์สินฯส่งมอบที่ 40 ไร่พร้อมเดินหน้าต่อ
รอสนง.ทรัพย์สินฯส่งมอบที่ 40 ไร่พร้อมเดินหน้าต่อ
ซีพีเอ็น ยันไม่ทิ้งที่ดินโรงเรียนเตรียมทหาร รอทรัพย์สินฯ เรียกคุย พร้อมเดินหน้าลุยต่อ
นายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารทรัพย์สิน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา หรือซีพีเอ็น เปิดเผยว่า จากกระแสข่าวที่ระบุว่า บริษัทยกเลิกการเข้าบริหารพื้นที่ 40 ไร่ บริเวณโรงเรียนเตรียมทหารเดิม ที่รับการคัดเลือกจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไปแล้วนั้น บริษัทขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และยังคงมีความสนใจที่จะเข้าบริหารพื้นที่ในส่วนดังกล่าวตามแผนดำเนินงานเดิมที่วางไว้
สำหรับขั้นตอนดำเนินการในขณะนี้ รอเพียงสำนักงานทรัพย์สินฯ เรียกเข้าพบ เพื่อวางแผนดำเนินงานโครงการดังกล่าวต่อไป ซึ่งในส่วนของรูปแบบโครงการและการลงทุนที่แน่ชัดนั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ เนื่องจากต้องรอการเจรจาและส่งมอบที่ดินจากสำนักงานทรัพย์สินฯ ก่อนจึงจะสามารถเปิดเผยได้
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ซีพีเอ็นเคยวางแผนจะพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นโครงการศูนย์การค้าครบวงจร ประกอบด้วย ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน และโรงแรม ซึ่งหากเข้าดำเนินการพัฒนาโครงการดังกล่าวได้ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 3-4 ปี ถึงจะแล้วเสร็จ แต่ปัจจุบันยังไม่สามารถเข้าไปดำเนินการได้ เพราะอยู่ระหว่างการส่งมอบพื้นที่แปลงดังกล่าว
ทั้งนี้ ศาลฎีกาได้ตัดสินคดีข้อพิพาทระหว่างสำนักงานทรัพย์สินฯ กับบริษัทพี.คอน ดีเวลลอปเมนท์ (ไทย) ผู้บริหารสวนลุมไนท์บาซาร์ ซึ่งเป็นผู้เช่าเดิม โดยให้ พี.คอน ส่งคืนพื้นที่เช่าทั้งหมดคืนให้สำนักงานทรัพย์สินฯ ทำให้การส่งมอบพื้นที่ล่าช้ามาหลายปี
อย่างไรก็ตาม แผนการดำเนินงานของซีพีเอ็นในปีนี้ มีแผนที่จะใช้งบประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ในการขยายธุรกิจศูนย์การค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนของทำเลที่จะเน้นเข้าไปทำธุรกิจ คือ ตลาดต่างจังหวัด เนื่องจากผู้บริโภคในต่างจังหวัดมีกำลังซื้อที่ดีขึ้น และมียังช่องว่างที่จะให้เข้าไปทำตลาดอีกมาก
ขณะเดียวกัน การขยายไปต่างจังหวัดยังถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะเห็นได้ว่าปัจจุบันซีพีเอ็นมีการขยายศูนย์การค้าไปยังจังหวัดแนวชายแดนมากขึ้น เพื่อเจาะลูกค้าประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สาขาเชียงราย ขยายฐานลูกค้าถึงประเทศพม่า ลาว และจีนตอนใต้ ขณะที่สาขาอุดรธานีขยายฐานลูกค้าถึงประเทศลาว และสาขาหาดใหญ่ขยายฐานลูกค้าถึงประเทศมาเลเซีย เป็นต้น